วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

เด็กดี มนุษย์สัมพันธ์ดี

การเป็นเด็กดีไม่ได้หมายความว่า ต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ดีเสมอไป เด็กเดี๋ยวนี้ขาดแคลนเรื่อง EQ มีแต่ IQ ด้วยระบบของสังคม ที่เปลี่ยนไปทำให้เด็กๆ วัยรุ่นสมัยนี้ขาดแคลนเรื่อง “มนุษย์สัมพันธ์” กันมาก ซึ่งถ้ารู้จัก ตัวตนและผู้อื่นดีพอก็จะสามารถแก้ไขไม่ได้ยาก

คำว่า “ มนุษย์สัมพันธ์ ” หมายถึง การมีวัตรปฏิบัติที่ดี จิตใจดี อารมณ์ดี ความรู้ดี และปรารถนาดีต่อ ผู้ต่อผู้อื่น ซึ่งจะทำให้ใคร ๆ ก็อยากเข้าใกล้ ใคร ๆ ก็อยากนั่งเรียน อยากมีกิจกรรมร่วมกัน อยากทำอะไรมันส์ ๆ ร่วมด้วย ซึ่งก็จะทำให้สถาบันสังคม ทั้งกลุ่มใหญ่ กลุ่มย่อยมีความเข้มแข็ง สามารถพัฒนาไปสู่ระบบใหญ่ขึ้น สำ คัญมากขึ้นไปตามลำดับ


ประเทศชาติที่เข้มแข็งย่อมมาจาก สังคมที่แข็งแรง ซึ่งจะเป็นสังคมที่แข็งแรงได้ต้องมีครอบครัวที่มั่น คง การที่จะมีครอบครัวที่มั่นคงได้ย่อมต้องใช้ความรักความอบอุ่น และสัมพันธภาพที่ดีของสมาชิกในครอบครัว ทุกคน

เมื่อสัมพันธภาพ หรือ มนุษย์สัมพันธ์ระดับรากหญ้า หรือ ครอบครัว ได้ก่อเกิดจนเข้มแข็งในระดับ หนึ่ง สิ่งเหล่านี้จะออกมาสู่สายตาประชาชนในสังคมในขั้นตอนต่อไป โดยสมาชิกของครอบครัวที่มีมนุษย์สัม พันธ์ดีต่อเนื่องและเป็นวงจรกระทบกันต่อไปเป็นวัฏจักรแห่งความสัมพันธ์ที่ดี ก่อให้เกิดสิ่งแวดล้อมดี ๆ สำหรับ คนดี ๆ รุ่นต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

มนุษย์สัมพันธ์ดี เขาวัดกันตรงที่ไหน

คนที่มนุษย์สัมพันธ์ดี คือ คนที่เมื่อถึงคราวจะทำงานอะไรก็ตาม เพื่อน ๆ ก็รี่เข้ามาอยากจะทำด้วย ประชาชนเชื่อถืออยากเข้ามาปรึกษาแม้คนนั้นไม่เฮฮากับใครก็ตาม

มนุษย์สัมพันธ์ดี เขาวัดกันตรงที่ ใคร ๆ ก็อยากเข้าใกล้อยากมาร่วมทำความดีด้วย ไม่ใช่วัดกันที่ถึง เวลาสนุกก็สนุกด้วยแล้วก็เฮ ๆ อยู่ตรงกลางวง แต่เวลาจะทำงานกลับไม่เอาไหน เวลาตกทุกข์ได้ยาก กลับไม่มี ใครเหลียวแล ขอให้ตีค่าคำว่า มนุษย์สัมพันธ์ ให้ถูกต้อง

เพื่อนแท้

การมีเพื่อนสักคนไม่ใช่เรื่องยาก แค่แหกปากร้องเพลงหรือยืนเต้นอยู่กลางถนน เผลอ ๆ จะมีใคร ไม่รู้กว่าร้อยคนมาร่วมแจมด้วย นึกว่า ถ่ายมิวสิกวีดีโอ การมีเพื่อนแท้แค่คนเดียว บางคนเกิดมาจนตายไปแล้ว ร้อยหน เพื่อนแท้คนเดียวก็ไม่รู้จัก ทำอย่างไรถึงจะมีเพื่อนแท้ คำตอบก็คือ เราต้องทำตัวให้เป็นเพื่อนแท้ของ ใครสักคนหนึ่งก่อน แล้วเขาคนนั้นก็จะเป็นเพื่อนแท้ของเรา แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ลองมาดูนิยามของคำว่า เพื่อน แท้กันดีกว่า ลองดูซิว่า ทุกวันนี้เราได้ปฎิบัติตัวเป็นเพื่อนแท้ของใครบางคนหรือเปล่า เพื่อนแท้ บางทีก็คือ คน ที่คอยทะเลาะตบตีกับคุณอยุ่ทุก ๆ วัน เพียงเพราะเขาคนนั้นไม่อยากให้คุณทำในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร ตามกระ แสแฟชั่นที่มีค่านิยมผิด ๆ


เพื่อนทั่วไปไม่เคยเห็นคุณร้องไห้
เพื่อนแท้มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาคุณ

เพื่อนทั่วไปจะไม่รู้ชื่อพ่อแม่คุณของคุณ เพื่อนแท้จะมีเบอร์ของท่านไว้ในสมุดจดโทรศัพท์ของเขา
เพื่อนทั่วไปจะถือขวดไวน์ติดมือมางานปารตี้ของคุณ เพื่อนแท้จะมาแต่วันช่วยเตรียมงาน

เพื่อนทั่วไปอยากคุยกับคุณถึงปัญหาของเขา เพื่อนแท้อยากช่วยปัดเป่าปัญหาของคุณออกไป
เพื่อนทั่วไปจะพิศวงในเรื่องโรแมนติกเก่า ๆ เพื่อนแท้สามารถเอาเรื่องนี้มาอำคุณได้

เพื่อนทั่วไปเวลามาเยี่ยมคุณจะทำตัวเยี่ยงแขก เพื่อนแท้จะตรงรี่ไปเปิดตู้เย็นบริการตนเอง
เพื่อนทั่วไปคิดว่า มิตรภาพจบลงเมื่อเกิดการทะเลาะถกถียง เพื่อนแท้รู้ดีว่านั้นมิใช่มิตรภาพ จนกว่าคุณจะได้เคยวิวาทกัน

เพื่อนทั่วไปจะคาดหวังให้คุณอยู่เคียงข้างเสมอ เพื่อนแท้คาดหวังที่จะอยู่เคียงคุณตลอดไป
เพื่อนทั่วไปจะอ่านข้อความนี้แล้วโยนลงถังขยะ เพื่อนแท้จะเฝ้าส่งต่อ ๆ ไป จนกว่าจะมั่นใจว่ามันได้ถึงมือผู้รับ

วัยรุ่นและสัมพัธภาพในชายและหญิง

จากสถิติจะเห็นว่า ทุกวันนี้เด็ก ๆ เริ่มเรียนรู้กับเพศศึกษาเร็วขึ้น และไม่มีการดูแลให้ได้รับความรู้ที่ ถูกต้องอย่างทั่วถึงและพอดี จึงก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควรของนักเรียน ปัญหาการจับคู่อยู่กันอย่างสามี-ภรรยาในหอพักของนักศึกษา ปัญหาการตั้งครรภ์ ปัญหาโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์ ปัญหาอาชญากรรมอันเกิดจากการหึงหวง ปัญหาการฆ่าตัวตาย และโรคซึม เศร้าหรืออื่น ๆ อีกมากมาย เป็นต้น

ลองมาดูบทวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงจากกลอนในบทนี้ดู แล้วคุณจะรู้ว่า การที่คุณผ่าน ร้อนผ่านหนาว หรือ ผ่านน้ำร้อนมาก่อนพวกเด็ก ๆ ไม่ได้รับประกันว่า คุณจะต้องเข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหา ให้พวกเขาได้ในทุก ๆ เรื่องเสมอไป

ที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวเด็กเองหรือพ่อแม่ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ที่เคารพ หรือ แม้แต่ผู้มีอำนาจในสังคมทั้งหลาย ต้องหันมามองและเข้าใจในธรรมชาติของปัญหาให้มากขึ้น แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ให้ความรักความอบอุ่นในครอบครัวอย่างเพียงพอ ทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแน่นอน

ลักษณะความสัมพันธ์ของชายหญิงในสมัยก่อนกีบในปัจจุบันก็มีความแตกต่างเช่นเดียวกัน เพราะมี ความคิดว่าฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายเสียหายได้ง่ายและสังคมในสมัยนั้นเป็นสังคมที่แคบ สมาชิกในสังคมจะมีความ สนิทสนมกันมาก หากใครทำผิด ทุกครัวเรือนก็จะรู้กันทั่วไป จึงทำให้สังคมต้องสร้างกฎเกณฑ์ของสังคมขึ้นมา ซึ่งมารวมถึงความสัมพันธ์ของหญิงและชาย หรือที่เราเรียกกันว่า “ แฟน ”


จะเห็นได้ว่า มีการเปิดกว้างมากกว่าในอดีตมาก เนื่องจากสังคมมีการเปลี่ยนแปลง อาทิเช่น สังคมมี ลักษณะที่กว้างขึ้นหรือที่เรียกว่า พหุสังคม ทำให้ลักษณะการวางกฎเกณฑ์ของสังคมมีลักษณที่ยืดหยุ่นขึ้น

คุณค่าของมนุษย์

การที่คุณพ่อคุณแม่สมัยนี้หวังไว้มากที่สุด ในการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานก็คือ " อยากให้ลูก ๆเป็น คนดี "

คำว่า " คนดี " นั้น มีความหมายและมีมิติในเชิงลึก การที่เด็ก ๆ จะได้คำนิยมชมชอบจากพ่อแม่ผู้ ปกครอง ญาติพี่น้องหรือคนทั่ว ๆ ไปว่าเป็น " คนดี " หรือ " เด็กดี " นั้นมีองค์ประกอบหลายอย่าง นอกจาก จะต้องมีกิริยามารยาทที่สุภาพอ่อนน้อม จงรักภักดีและรู้จักกตัญญูแล้วนั้น " ความซื่อสัตย์ " สำคัญที่สุด เพราะ ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์แล้วนั้น คุณค่าความเป็นคนก็หามีไม่ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อจากนั้นก็จะ ปฏิบัติต่อผู้อื่นได้อย่างถูกต้องและควรจะเป็น

คัมภีร์ปลุกชาวโลก : เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ พระเจ้ากวนอู หรือ ท้าวสักกะเทวราช (เง็กเซียน ฮ่องเต้) องค์ที่ 18

พระเจ้ากวนอูตรัสไว้ว่า คุณค่าของความเป็นมนุษย์นั้นอยู่ที่การมีความจงรักภักดี ความกตัญญู และมี คุณธรรม จึงจะนับได้ว่า เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุด และสามารถยืนหยัดอยู่บนสวรรค์ หรือ บนพิภพนี้ได้ หาก มนุษย์เราไม่จงรักภักดีต่อประเทศชาติ ไม่กตัญญูต่อบิดามารดา ไม่รักษาสัจธรรมแล้วไซร้ ถึงตัวจะมีชีวิตอยู่ แต่ ด้านจิตใจ เสมือนหนึ่งได้ตายไปแล้ว และจะอยู่แบบลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่มีความหมายอะไร จิตใจของมนุษย์ คือ เจ้า เจ้าก็คือ จิต ถ้ากระทำสิ่งใดที่ไม่ละอายต่อจิตแล้วก็เท่ากับไม่ละอายต่อเจ้า เรพาะฉะนั้นสาธุชนควรรู้ถึงสามข้อ ที่ควรเกรงกลัว

1) เกรงกลัวต่อโองการสวรรค์

2) เกรงกลัวต่อผู้หลักผู้ใหญ่

3) เกรงกลัวต่อคำพูดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสี่ข้อที่ควรรู้ (รู้ฟ้า รู้ดิน รู้เขา รู้ตน) พึงระมัดระวังไม่ให้ตัวเองกระทำในสิ่งที่ผิด จงอย่าคิดว่า หลบอยู่ในห้องมืดหรือบ้านร้าง ทำสิ่งชั่วช้าสามานย์แล้วจะไม่มีใครเห็น แท้ที่จริงการเคลื่อนไหว หรือการกระ ทำใด ๆ ล้วนอยู่ในสายตาของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น สิบตาต่างเพ่งมาที่การกระทำของพวกเราอยู่ และจงอย่า คิดว่าที่พูดนั้นปราศจากข้อมูล

กรรมที่คนเราก่อขึ้นย่อมได้รับสนองทั้งนั้น จะไม่ผิดพลาดแม้แต่เส้นผมเพียงเส้นเดียว โปรดอย่าคิดว่า สิ่งที่ขัดต่อศีลธรรม หากแต่มีผลประโยชน์แก่ตนแล้วก็ไปกระทำ สิ่งที่ชอบธรรมแต่ไม่เกิดประโยชน์แก่ตนแล้ว ไม่ยอมกระทำ หากท่านใดที่ทำให้ข้าฯ ผิดหวัง จงมาทดลองคมมีดของข้าฯ

ความเป็นคน

ความเป็นคนนั้นควรเคารพฟ้าดิน สักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว กตัญญู ต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง เคารพกฎหมายของบ้านเมือง เคารพครูบาอาจารย์ รักพี่รักน้อง มีสัจจะต่อเพื่อนฝูง ผูกมิตรกับ บ้านใกล้เรือนเคียง ก่อสันติสุขระหว่างสามีภรรยา อบรมลูกหลาน ให้ความสะดวกสบายแก่ผุ้อื่นเสมอ ๆ สร้างบุญกุศลทั้ง ในที่แจ้งและที่ลับ ช่วยเหลือผู้เดือดร้อน จุนเจียผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทะนุบำรุง หรือก่อสร้งโบสถ์ศาลา บริจาคทุนทรัพย์ร่วม พิมพ์หนังสือธรรมะและคัมภีร์ บริจาคยาแก่ผู้เจ็บไข้ แจกจ่ายน้ำแก่ผู้กระหาย ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต สร้างถนนซ่อมสะพาน สงเคราะห์ผู้เป็นหม้าย เพื่อพยุงบุญกุศลที่ตนได้สร้างสมมา ช่วยเหลือผู้มีความทุกข์ และ อย่ายุยงผู้อื่นให้มีคดีความ สละ เงินทอง เพื่อส่งเสริมผู้อื่นให้สมหวังในสิ่งที่ดีงาม แนะนำชี้แนะผู้อื่นให้รู้กฎแห่งกรรมไม่จองเวรต่อกัน ไม่โกงตาชั่ง คบ ค้าสมาคมที่มีศีลธรรม ไม่คบหาคนชั่วเป็นมิตร จงปกปิดความชั่วของผู้อื่น และ สรรเสริญแต่ความดีงามของผู้อื่นเท่านั้น จงมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยหรืออัคคีภัย กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนมีคุณธรรม สำนึกผิด และเริ่มต้น เป็นคนดี ต้องมีจิตเมตตาการุณย์ อย่าให้มีความชั่วช้าสามานย์อยู่ในสมอง ถ้าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม จงมีจิตมั่น คงและปฏิบัติให้ดี ถ้าแม้การกระทำของตนไม่มีใครรู้เห็น แต่เทพยดาเบื้องบนรู้แจ้งมาตลอด และ จะประทานบุญต่ออายุ ขัยให้ ลูกหลานรุ่งเรือง เคราห์ร้ายและความเจ็บไข้ได้ป่วย จะไม่มาเยี่ยมเยียน ภัยพิบัติไม่อาจมาก่อกวนทั้งคน และสัตว์ เลี้ยงในบ้านจะอยู่อย่างสงบ ดาวมงคลจะให้ผล

สังคมปัจจุบันของไทยและแนวโน้มอนาคต

การเปิดหูเปิดตาให้กว้าง มีวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุม รู้จักโลก รู้จักตัวเองพร้อมที่จะก้าวไปอย่างมั่นใจ โดยไม่กลัว การเปลี่ยนแปลงของโลกยังคงเป็นลักษณะที่พึงประสงค์ของเด็กไทยในยุคนี้ นอกจากเหนือจาก ความเป็นไทยทั้งตัวและหัวใจ ชาติ ศาสนา กษัตริย์ ก็ยังคงไว้อยู่ในใจเสมอ

สังคมไทยในอนาคตในแนวทางที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด :

สำหรับแนวโน้มในอนาคต (10-15 ปีข้างหน้า) ของสังคมไทยที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดตามทรรศนะ ของปัญญาชน ผู้สัมภาษณ์พบว่า ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเห็นว่า สังคมไทย โดยรวมคงจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศ ทางที่ดีขึ้น

โดยการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจจะคงเป็นตัวนำไปสู่ธุรกิจอุตสาหกรรม และบริการเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยมากขึ้น การผลิตที่ใช้แรงงาน ไร้ฝีมือจะถดถอยลง การศึกษาและสาธารณสุขจะ มีการปรับตัวสนองตอบความต้องการของประชาชน ข้าราชการจะมีคุณภาพสูงขึ้น เพราะสื่อมวลชนที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูงจะมีส่วนช่วยกระตุ้นพฤติกรรมด้านบวก และควบคุมพฤติกรรมด้านลบอย่างเอาจริงเอาจัง และได้ผลต่อส่วนรวมมากขึ้น ทั้งหมด ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ระบบเศรษฐกิจโลกจะยังคงพัฒนาตามรูปแบบที่เป็น อยู่ในปัจจุบันต่อไป โดยไม่มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น อันมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง อย่างเช่น การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 การพังทลายของระบบเศรษฐกิจตลาด


สังคมไทยจะเป็นสังคมเปิดกว้างมากขึ้น ทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจไทยจะมีบทบาททางการเมือง ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบเอเชียมากยิ่งขึ้น เพราะมีทรัพยากรธรรมชาติ บุคคลเทคโนโลยี และการจัด การที่สามารถพัฒนาขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในระยะหลัง ๆ ทางด้านประชาชนคุณภาพชีวิตคงจะดีขึ้นกว่าเดิม

สื่อมวลชนจะมีบทบาทสำคัญที่จะทำให้นักการเมือง ข้าราชการ นักวิชาการและประชาชนหันหน้า เข้ามาปรึกษาลือและรวมกันคิดเพื่อหาแนวทางพัฒนาประเทศในแนวทางที่เหมาะสมคือ มีการเฉลี่ยผลประโยชน์ ที่เป็นธรรม และรักษาถนอมสภาพแวดล้อมธรรมชาติมากขึ้น

สถาบันกษัตริย์โดยเฉพาะพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน จะยังทรงมีบทบาทสำคัญมากในการสร้างความ สามัคคีในชาติ นำการพัฒนาและประสานผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ที่อาจขัดแย้งกันให้ลงตัวได้โดยสันติวิธี

พระมหากษัตริย์ผู้เป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตแบบพอเพียง

การสอนที่ดีที่สุด คือ การทำเป็นตัวอย่างในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นเยาวชนของชาติ ขอน้อมรับพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน มาใส่เกล้าด้วยว่า... ชื่อของพระองค์ "ภูมิพล" แปลว่า ติดดิน พระราชมารดา หรือสมเด็จย่าคอยบอก คอยเตือนให้ทำตัวติดดิน อย่าลอยแม้เมื่อทำดีแล้วมีคนคอยชื่นชมสรรเสริญ...

ทุกๆท่านคงจะเข้าถึงและเข้าใจได้ว่า แม้พระเจ้าแผ่นดินสูงด้วยศักดิ์ยังปฏิบัติตนเช่นดังกล่าวได้ ไฉนเลย ท่านทั้งหลายจะหยิบยกมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตไม่ได้ ไม่ต้องมีมือถือ ไม่ต้องใช้ของแพง แบรนด์เนมมียี่ห้อ รู้จักใช้ รู้จักประหยัด ดำเนินชีวิตแบบพอเพียง ตามแบบอย่างที่ดีงามที่พ่อของแผ่นดินของเราชาวไทยได้ดำรงไว้เป็นตัวอย่าง เป็นการสอนที่ไม่ต้องบอกกล่าว แต่ทำให้เห็นด้วยเป็นครูของแผ่นดินอย่างแท้จริง...


"พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตพอเพียง"

หากเราตั้งใจฟังพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานอย่างมีสติก็จะเห็นว่า แท้จริงแล้วทรงเตือนพวกเราถึงเรื่องการดำเนินชีวิตอย่างประหยัด พอเพียง และเรียบง่ายมาเป็นเวลานานแล้ว

ทรงรับสั่งเกี่ยวกับเรื่อง การกินการโกง ว่า หากบ้านเมืองผู้คนยังโกงฉ้อราษฎร์บังหลวงอยู่อย่างนี้ บ้านเมืองจะพินาศ

จริงๆแล้วหากจะขจัดการกินการโกงฉ้อราษฎร์บังหลวงแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคงต้องเริ่มจากตัวเองเสียก่อน คือ ทุกคนต้องปรับพฤติกรรมการเป็นอยู่ของตัวเองให้มีชีวิตบนความพอดี พอเพียง ประหยัด อดออม อยู่อย่างเรียบง่าย จะได้ไม่แสวงหาประโยชน์บนความสกปรก ง่ายที่สุดก็คือ "ต้องประหยัด" ในเรื่องนี้พวกเราไม่ต้องแสวงหาที่ไหน เพียงแต่ตั้งสติดำเนินชีวิตตามรอยเบื้องพระยุคลบาทก็ไป สู่ความพอดี พอเพียง และประโยชน์สุขแล้ว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอุปนิสัยที่ข้าราชบริวารและข้าราชการที่ใกล้ชิดทราบกันดีว่า ทรงประหยัด ซึ่งเป็นพระอุปนิสัยที่ติดพระองค์มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชินีนาถ ทรงฝึกให้พระราชโอรสและพระราชธิดา รู้จักวิธีการประหยัด อดออม ตั้งกระป๋องออมสินไว้กลางที่ประทับ ทรงเรียกว่า กระป๋องคนจน เมื่อถึงสิ้นเดือนจะทรงประชุมทั้ง 3 พระองค์ว่า จะนำเงินก้อนนี้ไปทำประโยชน์ อย่างไร หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจนอย่างไร

สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวในพระราชสำนัก หรือจากสารคดีเฉลิมพระเกียรติก็จะเห็นบ่อยครั้งและอาจสงสัยว่า ทำไมพระเจ้าแผ่นดินทรงใช้ดินสอที่เหลือสั้นกุดนิดเดียว ใครจะนำไปทิ้งไม่ได้ เพราะจะทรงกริ้วอย่างมาก หรือแม้แต่ฉลองพระองค์สูทหรือเบลเซอร์ ถ้าสังเกตให้ดีก็จะเห็นว่า จะทรงสูทองค์เดิมให้เห็นซ้ำๆ บ่อยๆ แม้ว่าจะเสด็จฯในต่างสถานที่และต่างเวลา ทั้งนี้ก็เพราะทรงประหยัด ทรงใช้สิ่งของต่างๆอย่างคุ้มค่าและทะนุถนอม

แม้กระทั่งฉลองพระบาทที่ทรงใช้เวลาเสด็จฯไปเยื่อมราษฎรในพื้นที่ต่างๆ ก็จะทรงฉลองพระบาท องค์เดิม ไม่ใช่ยี่ห้อยอดนิยมหรือมีราคาแพงเลย ราคาไม่กี่ร้อย คู่ไหนชำรุดก็ทรงส่งซ่อมร้านเล็กๆ ใกล้ๆ วัง ทรงใช้คุ้มราคาคุ้มค่าที่สุด

ส่วนนาฬิกาที่มรงใช้นั้น แม้จะมีผู้ทูลเกล้าฯ ถวายนาฬิกายี่ห้อดัง ราคาแพง ก็ไม่ได้ทรงใช้ ทรงใช้นาฬิกา ธรรมดาที่ประชาชนทั่วไปใช้กันอยู่ ทรงมีนาฬิกาเพื่อใช้บอกเวลา ไม่ได้ทรงใช้เพื่อการอื่น มักจะรับสั่งว่า ฉันใส่นาฬิกายี่ห้อ ใส่แล้วโก้ คณะทันตแพทย์เคยนำภาพหลอดยาสีพระทนต์ที่ทรงใช้แล้วมาแสดงให้ดู ทรง รีดเสียแบนราบ แม้ถึงกระเปาะใกล้จุก ซึ่งอย่างดีเราก็เอานิ้วกดๆ จนคิดว่าหมด แต่ของพระองค์ทรงกดจนแบนติด เรียกว่าหมดเกลี้ยงจริงๆ

นอกจากนี้ทรงประหยัดในการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ ทรงเน้นว่า เป็นการประหยัดเพื่อให้เกิดความยั่งยืน มีกินมีใช้ไปชั่วลูกหลาน ทรงทำให้เห้นเป็นตัวอย่างอยู่ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่มีอยู่มากมายหลายพันโครงการ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระองค์ โดยยึดแนวทางแห่งการประหยัด มีเพียงเรื่องเดียวที่ไม่ได้ทรงประหยัดเลยก็คือ น้ำพระทัย และพระราชดำริที่พระราชทานมาตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรไทยให้มีความเป้นอยู่อย่างพอเพียง อยู่ดีกินดี และดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขกันถ้วนหน้า

หลักในการคบเพื่อนและคุณธรรมแห่งบัณฑิต

คนเราเกิดมาต้องมีเพื่อนกันทุกคน เพราะว่า เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่กันเป็นสังคม มีสัมพันธภาพเป็น สิ่งแวดล้อม ซึ่งมีผลต่อการดำรงชีวิตของบุคคลหนึ่งอย่างที่สุด คำสอนที่ว่า

" คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล "

นั้นยังคงใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย การที่เด็กคนหนึ่งเกิดมาในสังคมหนึ่ง ซึ่งมีทั้งคนดีและ ไม่ดีปะปนผสมกันไปนั้น ย่อมต้องส่งผลต่อเส้นทางเดินของเด็กคนนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ถ้าเราสังเกตดูให้ดี ให้ลึก และมีจิตใจเป็นกลาง เราจะพบว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้ล้วนมีเพื่อนดีกันทุกคน เพื่อนที่ ดีที่ว่านี้คือ บุคคลซึ่งปิดทองหลังพระคอยตักเตือนชี้แนะ คอยนำพาเราไปพบแต่สิ่งดี ๆ และนำสิ่งดี ๆ มาให้เรา เสมอโดยโดยไม่หวังผลตอบแทน การที่เด็กสมัยนี้จะเป็นคนดีมีคุณธรรมได้นั้น นอกจากต้องได้รับความดูแลเอา ใจใส่และให้การอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ครูอาจารย์แล้ว เพื่อนก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะนำพาให้เขาถึงฝั่งฝันสมใจ ปองของทุก ๆ คนได้ง่าย ลองดูหลักในการคบเพื่อน และ ความหมายของการคบบัณฑิตกันดีกว่า เผื่อจะได้ความ หมายของคำว่า มีศตรูเป็นบัณฑิต ดีกว่ามีมิตรที่เป็นพาลและนำไปไช้ในชีวิตประจำวันอย่างเกิดประโยชน์เราควร มีหลักการคบเพื่อนอย่างไรบ้าง


1) คนพาลชอบชักนำไปในทางที่ผิด เช่นชักชวนไปกินเหล้าเมายา เที่ยวกลางคืน

2) คนพาลไม่ชอบวินัย ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมืองและประพฤติผิดศีลธรรม

3) คนพาลชอบแต่สิ่งที่ผิด ชอบเห็นความพินาศของผู้อื่นเมื่อเวลาตัวเองทำผิดก็ภูมิใจ

4) คนพาลชอบทำในสิ่งทีไม่ใช่ธุระของตนคือ ชอบไปก้าวก่ายธุระหน้าที่ของผู้อื่น ปล่อยปละละเลย ชีวิตของตน

5) คนพาลแม้พูดจาดี ๆ ด้วยก็โกรธ


เมื่อเห็นใครทีมีลักษณะเลวทรามเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง 5 ประการ ให้ตั้งข้อสงสัยเลยว่า เขาเป็นคนพาลไม่ควรคบหาด้วย สำหรับบัณฑิตนั้นในทางธรรมหมายถึง ผู้รู้ดี รู้ชั่ว รู้ผิด รู้ถูก รู้บุญ รู้บาป ซึ่ง อาจรับปริญญาหรือไม่ก็ตามแต่สามารถดำเนินชีวิตด้วยความรู้เหล่านั้นด้วยดี เมื่อเราคบบัณฑิตเป็นเพื่อน เราจะ ได้รับการถ่ายทอดความประพฤติและนิสัยที่ดีจากบัณฑิต ทำให้เรามีโอกาสเจริญก้าวหน้าได้ง่ายขึ้น ทั้งด้านการ งานเงินและชีวิตส่วนตัว ถึงแม้เราจะมีศัตรูเป็นบัณฑิตกับความเห็นผิดของเราเท่านั้น เมื่อเรากลับตัวเป็นคนดี บัณฑิตย่อมไม่ถือโทษโกรธเคือง แต่จะกลับเป็นมิตรแท้ให้แก่เราจนวันตาย เพราะฉะนั้นมีศัตรูเป็นบัณฑิตจึงดี กว่ามิตรทีเป็นพาล

โรคอ้วนเสี่ยงต่อโรคใดบ้าง?

ได้มีการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีดัชนีความหนาของร่างกาย(BMI)ตั้งแต่ 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป มีโอกาสตายก่อนวัยอันสมควร สูงกว่าคนที่มีน้ำหนักปกติถึง 30% เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ คนอ้วนมีโอกาสเป็นโรคต่อไปนี้ได้ง่ายนั่นเอง

1.โรคความดันโลหิตสูง

2.โรคหัวใจขาดเลือด


3.โรคโคเลสเตอรอลสูงในเลือด

4.โรคไตรกลีเซอไรด์สูงในเลือด

5.โรคเบาหวาน

6.โรคนิ่วในถุงน้ำดี

7.กระดูกและข้อเสื่อมเร็วกว่าคนปกติ

8.ระบบทางเดินหายใจทำงานไม่สะดวก

9.โรคที่เกี่ยวกับปัญหาด้านจิต

แต่ละโรคที่กล่าวมาแล้ว ล้วนแล้วแต่มีความร้ายแรงและยากต่อการรักษาพยาบาลเป็นอย่างยิ่ง ถ้าท่านยังไม่อ้วนและสามารถควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดได้ตลอดเวลา ท่านจะมีโอกาสเกิดโรคดังกล่าวน้อยมาก ส่วนท่านที่อ้วนแล้ว ท่านจะต้องตั้งใจอย่างแน่วแน่ เพื่อค่อยๆ ลดน้ำหนักลงมาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติฑ์ให้ได้ เราขอเป็นกำลังใจให้ท่านประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักนะคะ

ลดไขมัน ลดไขมันส่วนเกิน

ผู้หญิงจะมีการสมสมไขมันมากกว่าผู้ชาย ก็เพราะสาเหตุมาจากหน้าที่ของฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) ที่จำเป็นจะต้องสะสมไขมัน ไว้ตามอก สะโพก ก้น ต้นขา หน้าท้อง ก็เพราะเป็นลักษณะทางกายภาพ แต่สำหรับผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) ทำให้มีระบบเผาผลาญพลังงานสูงกว่าผู้หญิง และมีกล้ามเนื้อ และพละกำลังที่มากกว่า ในทางธรรมชาติผู้หญิงจึงไม่สามารถเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนผู้ชายเว้นแต่ได้รับยาประเภทสเตียรอยด์ (Anabolic Androgenic Steroid) จึงไม่ต้องกังวลว่าการฝึกเพาะกาย


หรือฝึกด้วยน้ำหนักจะทำให้มีขนาดกล้ามเนื้อใหญ่โตผิดส่วน แต่ผู้หญิงบางคนที่ฝึกยกน้ำหนัก แต่ขาดการควบคุมอาหารทำให้มีไขมันสะสมอยู่รอบ ๆ กล้ามเนื้อก็อาจมองว่ามีขนาดใหญ่ แต่ถ้ามีการลดไขมันอย่างถูกต้อง ขนาดก็ละลดลง และสมส่วนไปเอง เนื่องจากการออกกำลังกายประเภทแอโรบิคเป็นเพียงการเผาผลาญลดไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงขนาดสัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นขนาดของกล้ามเนื้อ ดังนั้นคนที่ขมักเขม้นกับการออกกำลังกายประเภทแอโรบิคจะพบว่าเมื่อฝึกไปซักระยะหนึ่งรูปร่างจะมีสัดส่วนผิดแผกออกไป คือรูปร่างช่วงบนมีขนาดเล็ก แต่ช่วงล่าง เข่น ต้นขา น่อง ก้น มีขนาดใหญ่ และจะมีลักษณะบวม ไม่กระชับ และน้ำหนักตัวคงที่ไม่สามารถลดไขมันได้มากกว่าเดิม ยกเว้นแต่ได้ออกกำลังกายทั้งยกน้ำหนักควบคู่กับแอโรบิค จึงจะทำให้รูปร่างมีสัดส่วน กล้ามเนื้อกระชับ ผิวหนังบาง ไขมันสะสมต่ำ เหมือนนายแบบ นางแบบ ที่เราเห็นโฆษณาอุปกรณ์ออกกำลังกายในโทรทัศน์ เราไม่ควรอดอาหารเพื่อต้องการลดไขมันส่วนเกิน เพราะการอดอาหารจะทำให้เราสูญเสียขนาดของกล้ามเนื้อลง ทำให้ระดับการใช้พลังงานในร่างกายน้อยลง และจะสามารถทำให้อ้วนได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เมื่อคิดที่จะควบคุมอาหารเพื่อลดไขมัน เราไม่ควรรับประทานอาหารน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ (Basal Metabolism Rate) เพราะเป็นพลังงานที่ร่างกายจำเป็นต้องให้ในการรักษาขนาดของร่างกาย


BMR (แคลอรี) = น้ำหนักตัว (kg) x 0.9 x 24

โดยเฉลี่ยผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ออกกำลังกายมักเลือกรับประทานอาหารระหว่าง 1,200 - 1,500 แคลอรีต่อวัน โดยเป็นไขมันไม่มากกว่า 10%-15% ของอาหาร (ไขมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9 แคลอรี) ควบคู่ไปกับการแอโรบิค 30-60 นาทีต่อวัน โดยสามารถลดไขมันได้ถึงสัปดาห์ละ 1/2 กิโลกรัม

การดูแลผิว แบบง่ายๆ

คุณต้องรู้ก่อนว่าคุณมีสภาพผิวอย่างไร เช่น มีผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามสภาพผิว ซึ่งการดูแลผิวขั้นพื้นฐานนั้นสำคัญที่สุด มี 3 ขั้นตอนหลัก ขั้นตอนแรกคือ คลีนซิ่ง หรือการทำความสะอาด อันนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลผิว เลยกว่าได้ เพราะหากเราไม่ทำความสะอาดผิวให้ดีพอ จะทำให้สิ่งสกปรกตกค้างภายในรูขุมขน และเกิดการอุดตัน จนเป็นสิวได้หรืออาจเกิดริ้วรอยได้เช่นกัน

เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างไร ถึงจะดี?

ขั้นตอนที่ 1 การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดง่ายมาก

ถ้าคุณแต่งหน้าเยอะควรใช้คลีนซิ่ง ครีม, คลีนซิ่ง โลชั่น หรือคลีนซิ่ง เจล เพราะจะช่วยขจัดเมกอัปได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณผิวมัน แต่งหน้าเยอะเลือกใช้คลีนซิ่งชนิดโลชั่น หรือเจล หากผิวแห้งแต่งหน้าเยอะก็เลือกใช้ชนิดครีมค่ะ อย่าลืมใช้คลีนซิ่ง โฟม ด้วย เพราะโฟมจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ติดค้างภายในรูขุมขนอีกครั้งหนึ่ง

ขั้นตอนที่ 2 โลชั่นปรับสมดุลผิว

ขั้นตอนนี้คนส่วนใหญ่มองข้ามไปเลย เพราะนึกว่าไม่สำคัญ ล้างหน้าเสร็จปุ๊บ ตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เลย ซึ่งถือว่าเป็นเข้าใจผิดอย่างมหันฑ์ เพราะขั้นตอนการใช้โลชั่นปรับสมดุลผิวนี้จะช่วยให้ผิวอ่อนนุ่ม ไม่แห้งตึง หลังการล้างหน้า ช่วยกระตุ้นการซึมซาบของ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้ลงสู่ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ หลังการเช็ดโลชั่น ที่ผิวหน้ายังสามารถเช็ดบริเวณลำคอ หลังมือ ข้อศอกเพื่อให้ผิวอ่อนนุ่มขึ้นได้อีกด้วยค่ะ เรียกว่าใช้ได้หลากหลายวัตถุประสงค์

มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการดูแลผิว และเปรียบเสมือนเสื้อคลุมปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมภายนอก คงความชุ่มชื่นให้ผิวอ่อนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น

เลือกผลิตภัณฑ์กันแดดอย่างไรให้เหมาะกับผิวคุณ?

ก่อนอื่นต้องเลือกผลิตภัณฑ์กันแดด ที่สามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ทั้งสองแบบ เหตุผลก็คือจะสามารถป้องกันทั้งการเกิด ฝ้า กระ จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ ที่เกิดจากรังสี UVB และป้องกันการเกิดริ้วรอย ที่เกิดจากรังสี UVA และแนะนำให้ดูว่า หน้ากล่องจะระบุคำว่า SPF นั่นคือ ค่าป้องกันรังสี UVB หากปกป้องระหว่างวัน เลือก SPF 15 ขึ้นไป และคำว่า PA ค่าในการป้องกันรังสี UVA ที่ระบุด้วยเครื่องหมาย + ถ้าเห็นว่า มี +++ แสดงว่าให้การป้องรังสี UVA อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ขอแนะนำว่า (สำหรับอากาศในเมืองไทย ที่มีแต่ร้อน และร้อนที่สุด ควรเลือก SPF 30 และ PA ++)

สำหรับการปกป้องระหว่างวัน และหากออกแดดจัด ก็เลือกประมาณ SPF 50 PA+++ ก็ดีเลยค่ะ แต่อย่าไปเลือกที่มีค่า SPF สูงมากเกินไป เพราะค่าในการป้องกันแดดแทบจะไม่แตกต่างกันเลย แถมอาจจะทำให้เรารู้สึกไม่สบายผิวด้วยค่ะ

สาวผิวมัน เลือกใช้กันแดดชนิดโลชั่นนะคะ แต่สาวผิวแห้ง เลือกใช้แบบครีมจะดีกว่า ค่ะ เพราะจะให้ความชุ่มชื้นสูง ซึ่งในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์กันแดด ที่ให้การปกป้องและฟื้นฟูผิวไปพร้อมๆ กัน ทำอย่างไรไม่ให้ฝ้ามาเยือนใบหน้า

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

คุณเชื่อในพรหมลิขิตมั้ย ?

ใช้ใจมอง 'เพื่อน' คุณเชื่อในพรหมลิขิตมั้ย ?

ถ้าไม่ ..

แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เรามาพบกับคนหลายคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
ถ้าไม่ แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เราถูกชะตาจนเรียกคนๆนั้นว่า

' เพื่อน '

....... เพื่อน... ……………….

คนๆนึงที่ครั้งนึงก็เป็นได้แค่ คนแปลกหน้าคนหนึ่ง

เวลา ผ่าน เวลา คนแปลกหน้าคนนั้นก็กลับกลาย มาเป็นคนที่เรา ' ไว้ใจ '

....... เพื่อน …………………

คนที่พร้อมอยู่กับเราเสมอๆ ไม่ว่า สุข ทุกข์ เหงา เศร้า
…….. เพื่อน คนที่พร้อมแชร์ความรู้สึกต่างๆ โดยไม่เคยเอ่ยปากว่า

' ถ้าทำอย่างนั้นแล้วฉันจะได้อะไร '

....…... เพื่อน ……......

คนที่ไม่เคยสนใจว่าเราจะหน้าตาดี มีสกุล ร่ำรวย ยากจน สูง ต่ำ ดำ ขาว หรือไม่

........ เพื่อน..... คนที่ไม่เคยเสแสร้ง แกล้งทำ ... แต่ ...... เพื่อนตาย หายากเหลือเกิน
เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ ว่า คนๆนี้เป็น เพื่อนตายของเราหรือไม่

เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่าคนๆนี้
เป็นคนที่ พร้อมจะเคียงข้างเราเสมอไปมั๊ย
เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า คนๆนี้จริงใจกับเราแค่ไหน
ทั้งหมดนี้ เราใช้ ' ตา ' มองไม่เห็น

........ แต่.......

ทั้งหมดนี้เราใช้ ' ใจ ' มองเห็นได้
เมื่อบทความ ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ คุณล่ะ ?

ใช้ตามองเพื่อน หรือ ใช้ใจมองเพื่อน

เราบอกไม่ได้ว่าคนๆไหนดี ไม่ดี จนกว่า... เราจะมี โอ กาส รู้จักกับคนนั้น แล้วใช้ ใจ ของเราสัมผัส

การคบใครสักคน คบเพียงกายก็ไร้ประโยชน์ แต่ การคบใครสักคน จำเป็นต้องคบกันด้วยใจ

วันนี้..... คุณ ใช้อะไร คบเพื่อนของคุณ
อย่าบอกนะ ว่าคุณก็เป็นคนที่คบเพื่อน
แค่ตา...... เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็คงเป็นคนที่ไม่น่าคบคนหนึ่ง

ประโยชน์และโทษของช็อกโกแลต



ใครที่ชอบกินช็อกโกแลตบ้าง วันนี้เกร็ดความรู้มีประโยชน์และโทษของช็อกโกแลตมาฝากกัน...

ในอดีตนักเคมีเคยพบว่าช็อกโกแลตมี เฟนิลไธลามิน, ธีโอโบรไมน์ และกาเฟอีน ซึ่งสารเหล่านี้ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ในช็อกโกแลตยังให้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินเอ ดี เค และธาตุเหล็กค่อนข้างสูง หากกินมากเกินไป อาจส่งปัญหาด้านสุขภาพทำให้เป็นโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น

แต่เมื่อไม่นานมานี้มีการค้นพบสารฟลาโวนอยด์ในช็อกโกแลต หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมจะมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจหรือแม้กระทั่งมะเร็งบางชนิด และยังพบว่ายังมีสรรพคุณช่วยให้คลายเครียด เนื่องจากมีสารไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเคมีแห่งความสุขที่ชื่อเอ็นโดรฟินออกมา ช่วยทำให้รู้สึกอารมณ์ดี

ดังนั้น ชาวยุโรปส่วนใหญ่เชื่อว่าการกินช็อกโกแลตจะทำให้สุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาว อีกทั้งยังสามารถช่วยลดไข้รักษาอาการอาหารไม่ย่อยและช่วยให้มีลมหายใจที่หอมสดชื่นอีกด้วย

รู้อย่างนี้แล้ว ก็ควรกินช็อกโกแลตในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อสุขภาพที่ดี

เทคนิคการโต้วาที

เทคนิคการโต้วาที คือ

*การป้องกัน หมายถึง การป้องกันญัตติด้วยการหาเหตุผลมาล้อมรั้วสาระของญัตติ
*การโจมตี การกล่าวซ้ำเติม หรือกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามว่าไร้เหตุผล
*การต่อต้าน การหักล้างเหตุผลการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามที่กล่าวโจมตีฝ่ายตน
*การค้านอย่างมีศิลปะ การค้านจะทำได้ 3 วิธี คือ

1. ค้านญัตติ เป็นการค้านตัวญัตติหรือสาระของญัตติว่าไม่ถูกต้อง
2. ค้านเหตุผล เป็นการค้านเหตุผลที่อีกฝ่ายเสนอมา
3. ค้านข้ออ้างอิง เป็นการค้านข้ออ้างอิงที่อีกฝ่ายเสนอมา


1. ในการโต้แย้งแสดงคารม ควรใช้ความรู้ต่างๆ มาประกอบเสมอ
2.การแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นการเสนอหรือการค้าน ควรเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ ให้มีเหตุผลน่าเชื่อถือ
3. ควรมีศิลปะในการใช้ภาษาที่จะจูงใจให้ผู้ฟังมีความเห็นคล้อยตาม เห็นดีเห็นงามกับข้อคิดเห็น ข้อมูลต่างๆ ที่เสนอไป
4. การกล่าวคัดค้าน กล่าวแก้ ควรทำให้แนบเนียน จนผู้ฟังเห็นว่าเหตุผลของฝ่ายตรงข้ามใช้การไม่ได้ หรือเชื่อถือไม่ได้
5. ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเสนอประเด็น ควรฟังอย่างตั้งใจ แล้วจับประเด็นสำคัญๆ ไว้เพื่อกล่าวแก้และพยายามรวบรวมเรื่องที่จะกล่าวโจมตีมากๆ
6. ควรใช้ถ้อยคำภาษาที่สุภาพ โดยคำนึงถึงวัฒนธรรมอันดีงามด้วย ไม่ควรพูดเสียดสีกันในเรื่องส่วนตัว
7.ใช้คำพูดที่เหมาะสม สั้น กะทัดรัด เข้าใจได้ในทันทีโดยไม่ต้องตีความ
8. ในขณะพูด ควรแสดงท่วงที กิริยา ท่าทาง และสีหน้าประกอบการพูด
9. การโต้วาทีไม่จำเป็นต้องขึงขังอย่างเอาจริงเอาจัง เพราะการโต้วาที มักจัดขึ้นเพื่อความสนุกสนาน หรือจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติของงาน
10. ขณะพูด ควรควบคุมอารมณ์ให้ดี อย่าเผลอโกรธหรือแสดงอารมณ์เสีย เพราะจะเป็นจุดอ่อนให้ถูกโจมตี
11. เมื่อเสร็จสิ้นการโต้วาทีแล้ว เรื่องต่างๆที่ว่ากล่าวกันควรเลิกกันไป
12. หากมีการตัดสินให้แพ้ ควรวางสีหน้ายิ้มแย้ม อย่าแสดงอาการไม่พอใจ

9 เทคนิคการเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์

เคยบ้างไหมที่คุณค่อนข้างมั่นใจว่างานที่คุณเพิ่งไปสัมภาษณ์นั้นต้องได้ชัวร์ ๆ

เคยบ้างไหมที่คุณค่อนข้างมั่นใจว่างานที่คุณเพิ่งไปสัมภาษณ์นั้นต้องได้ชัวร์ ๆ หรือต้องเป็นตัวเก็ง เข้ารอบแรกแหง ๆ และเคยไหมที่เพื่อนที่เกรดเฉลี่ยน้อยกว่าแต่กลับคว้างานที่คุณอยากทำไปครอง ถ้าคุณเริ่มเป็นอย่างที่กล่าวมา นั่นอาจเป็นสาเหตุมาจากการเตรียมตัวไปสัมภาษณ์งานของคุณบกพร่อง แม้จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มีผลต่อการพิจารณาว่าคุณจะเข้ารอบหรือตกรอบกันแน่...ลองสำรวจดูว่าคุณได้เตรียมตัวเพื่อการสัมภาษณ์งานดีหรือยัง

1. แต่งตัวให้เป็นมืออาชีพ
การทำให้ผู้สัมภาษณ์เกิดความประทับใจ ต้องเริ่มจากการมีบุคลิกภาพที่ดีเสียก่อน ควรแต่งกายให้สุภาพ เป็นทางการ ใส่รองเท้าหุ้มข้อ จัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อย รวมทั้งดูแลเรื่องความสะอาดตั้งแต่หัวจดเท้าด้วย นอกจากจะเป็นการให้เกียรติผู้สัมภาษณ์แล้วยังทำให้คุณดูเป็นมืออาชีพอีกด้วย และอีกข้อควรระวังคือ ควรปิดโทรศัพท์มือถือระหว่างการสัมภาษณ์

2. ตรงต่อเวลา
การเดินทางเราควรกะเวลาเดินทางให้ดี เผื่อเวลารถติดไว้ด้วย ควรศึกษาเส้นทางก่อน หากไม่ชำนาญ แนะนำว่าควรไปก่อนเวลานัดสัมภาษณ์อย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป เพื่อที่จะได้เตรียมตัว และทำความคุ้นเคยกับสถานที่ เพื่อไม่ให้ประหม่าจนเกินไป

3. เตรียมเอกสารสมัครงานให้พร้อม
ควรเตรียมเอกสารที่สำคัญในการสมัครงาน เช่น รูปถ่าย สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ถ่ายสำเนาประวัติส่วนตัว (Resume) หลักฐานการศึกษาต่าง ๆ รวมทั้งผลงานที่ผ่านมา ในกรณีที่จำเป็นต้องแสดงผลงานให้ผู้สัมภาษณ์พิจารณาด้วย

4. ตอบคำถาม
ในการตอบคำถามนั้นควรตอบด้วย ท่าทางที่ดูกระตือรือร้น มีชีวิตชีวา และอย่า พูดเร็วเกินไป ไม่ควรพูดสอดขึ้นมากลางคัน หลีกเลี่ยงการตอบคำถามสั้น ๆ ด้วยคำว่า "ค่ะ/ครับ" แต่ควรแสดงความ สนใจในคำถามด้วยการตอบให้เต็มประโยค และแสดงความคิดเห็นเท่าที่จำเป็น

5. เตรียมคำถาม
ส่วนใหญ่ผู้สัมภาษณ์มักเปิดโอกาสให้ถามในช่วงท้าย ๆ ของการสัมภาษณ์ คุณควรเตรียมคำถามไปด้วย ซึ่งคำถามนี้อาจจะเกี่ยวกับลักษณะงานที่คุณสมัคร เพื่อช่วยคุณตัดสินใจ และเข้าใจงานที่คุณกำลังสัมภาษณ์นี้มากขึ้น

6. ห้ามพาดพิง หรือพูดแสดงความคิดเห็นถึงเจ้านายเก่าในแง่ลบ
การพูดพาดพิง หรือแสดงความคิดเห็นถึงเจ้านายในแง่ลบนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เพราะจะเป็นการแสดงทัศนคติที่ไม่ดีของคุณต่อบุคคลอื่น เหมือนว่าเอาผู้อื่นมาวิจารณ์ในทางที่เสียหาย ถ้าคุณไม่ชอบใจเจ้านายเก่า ควรหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเลยจะดีกว่า

7. ไม่ควรแสดงความคิดเห็นในเรื่องต้องห้าม 3 อย่าง
การแสดงความคิดเห็นเป็นสิ่งที่ดีแต่ในบางกรณีก็ไม่ควร ซึ่งได้แก่ ความเชื่อ การเมือง และศาสนา เพราะเป็นเรื่องของ ความเชื่อ ความชื่นชอบส่วนบุคคล ซึ่งผู้สัมภาษณ์อาจจะมีความเชื่อต่างจากคุณก็ได้

8. ควบคุมอารมณ์ให้ดี
ไม่ควรแสดงความรู้สึกในด้านลบของคุณออกมา เช่น อารมณ์โกรธ ประหม่า เสียใจ ฯลฯ ผู้สัมภาษณ์บางคนอาจจะอยากรู้ว่าคุณควบคุมอารมณ์ได้ดีหรือไม่ ด้วยการลองถามคำถาม หรือพูดเพื่อยั่วยุให้คุณโกรธ ซึ่งคุณก็ไม่ควรโต้ตอบด้วยอารมณ์

9. อย่าลืมคำว่า "สวัสดี" และ "ขอบคุณ"
เมื่อก้าวผ่านประตูห้องสัมภาษณ์ควรยกมือไหว้ และกล่าว "สวัสดีค่ะ/ครับ" ต่อผู้สัมภาษณ์ เพื่อแสดงความนอบน้อม และมารยาทที่ดี ไม่ว่าผู้สัมภาษณ์จะดูอ่อนวัย หรือตำแหน่งด้อยกว่าคุณก็ตาม และเมื่อสัมภาษณ์เสร็จก็ควรยกมือไหว้ และกล่าวคำว่า "ขอบคุณค่ะ/ครับ" ด้วย


เมื่อคุณเตรียมตัวพร้อมทั้ง 9 ข้อแล้วละก็งานที่คุณคาดหวังอยู่คงไม่ตกเป็นของคนรอบข้างแน่ ๆ

เทคนิคการเตรียมตัวสอบ

TEXT:ATOM


1. ทำตารางสอบ :

โดยจดวันและเวลาที่สอบไว้ให้ชัดเจน

2. อ่านตำราโดยจัดลำดับตามตารางสอบ (ในข้อ 1):

โดยเริ่มอ่านจากวิชาที่สอบวันแรก ไปจนถึงวันสุดท้าย และควรอ่านให้จบก่อนถึงวันสอบประมาณ 4 วันหรือมากว่านั้น และอ่านทบทวนอีกครั้งในวันสุดท้ายก่อนที่จะถึงวันสอบวิชานั้นๆ

3. พูดคุยกับเพื่อนๆ:

ไม่ใช่ชวนกันคุยเรื่องแฟชั่น เสื้อผ้า ดูหนัง หรือฟังเพลงนะคะแต่เป็นการพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาวิชาที่เราจะสอบ ถ้าจะให้ดีควรหากลุ่มเพื่อนสนิทแล้วเริ่มอ่านหนังพร้อมกัน และเมื่ออ่านจบก็ควรซักถามในส่วนที่ยังไม่เข้าใจเพื่อจะได้เป็นการทบทวนความรู้ให้เพื่อนและเพื่อเพิ่มความเข้าใจให้แก่ตนเองด้วย

4. ค้นคว้าเพิ่มเติม:

ในกรณีที่เรายังเข้าใจในเนื้อหาที่อ่านอย่างถ่องแท้เราก็ควรค้นคว้าเพิ่มเติมจากตำรา หรือว่าอาจารย์ผู้สอนรายวิชานั้นๆ และจดบันทึกข้อควรจำที่สำคัญๆ เพื่อทำความเข้าใจก่อนสอบ

ถ้าทำได้ตาม 4 ข้อข้างต้นรับรองว่าข้อสอบครั้งนี้คงไม่ยากเกินความสามารถของน้องๆ อย่างแน่นอนค่ะ

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

คดีแปลก! ครูสาววิตถารข่มขืน-ฆ่า! เด็กหญิง8ขวบเพื่อนลูกสาว

ครูสาววัย 28 ปี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมและข่มขืนเด็กหญิงวัย 8 ขวบ เพื่อนของลูกสาว

แล้วจับศพยัดเข้ากระเป๋าทิ้งลงบ่อน้ำใกล้บ้าน เผยโดนจับหลังบอกสื่อว่ากระเป๋าใบนั้นเป็นของตัวเองตำรวจแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จับกุมตัวนางเมลิสซา ฮัคคาบี ครูสาววัย 28 ปี ข้อหาฆาตกรรมเด็กหญิง ซานดรา แคนทู วัย 8 ขวบ ด้วยการลักพาตัว ข่มขืนและฆ่า ก่อนจะนำศพยัดลงกระเป๋าแล้วทิ้งลงบ่อน้ำใกล้กับบ้านของเด็กหญิง ในเมืองเทรซี รัฐแคลิฟอร์เนีย สร้างความตกตะลึงสยองขวัญให้แก่ชาวบ้านในละแวกดังกล่าวทั้งนี้ ฮัคคาบีเป็นอาสาสมัครสอนหนังสือเด็กๆ ทุกวันอาทิตย์ ที่โบสถ์โคลฟเวอร์ โรด แบ็พทิสต์ ในเมืองเทรซี ซึ่งปู่ของเธอเป็นสาธุคุณอยู่ที่โบสถ์แห่งนี้ ได้ปรากฏตัวที่ห้องพิจารณาคดีในซาน โจควิน เคาตี้ เมื่อวันที่ 14 เมษายน ด้วยท่าทางที่หวาดกลัวและถึงกับร้องไห้เมื่อผู้พิพากษาอ่านข้อกล่าวหาโดยฮัคคาบีถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมเด็กหญิงแคนทู ซึ่งเป็นเพื่อนกับลูกสาวของเธอ และยังถูกกล่าวหาว่าข่มขืนเด็กหญิงแบบวิตถารด้วยวัตถุแปลกปลอม ล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี และลักพาตัวเด็กหญิง ซึ่งการข่มขืนแบบวิตถารอาจจะทำให้ฮัคคาบีถูกตัดสินประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตโดยจะไม่มีการพิจารณาลดหย่อนหรืออภัยโทษข่าวระบุว่า เด็กหญิงซานดราหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม โดยภาพของเด็กหญิงมีปรากฏเป็นครั้งสุดจากกล้องวงจรปิดบริเวณด้านหน้า ออร์ชาร์ด เอสเตตส์ โมบายล์ โฮม พาร์ค ที่พักของเด็กหญิงซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของฮัคคาบีไปเพียง 5 หลังเท่านั้น เจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหาตัวเด็กหญิงอยู่นาน 10 วันก่อนจะยุติลงในวันที่ 6 เมษายน เมื่อชาวบ้านระบายน้ำออกจากบ่อน้ำเก่าแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากที่พักของเด็กหญิงไม่มาก และพบกระเป๋าใบหนึ่งที่มีร่างของเด็กหญิงอยู่ภายใน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าเสื้อผ้าที่เด็กหญิงใส่นั้นเป็นชุดเดียวกับที่เห็นในกล้องวงจรปิด คือเสื้อสีชมพูรูปเฮลโหล คิตตี้ และกางเกงสีดำ อย่างไรก็ตาม หลังการตรวจสอบเจ้าหน้าที่เชื่อว่าการฆาตกรรมอาจจะเกิดขึ้นในวันที่หรือราววันที่ 27 มีนาคม แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆ โดยฮัคคาบีถูกจับตัวเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากฮัคคาบีบอกกับสื่อท้องถิ่นว่ากระเป๋าดังกล่าวเป็นของเธอ แต่มันถูกขโมยไปในวันที่ซานดราหายตัวไปขณะที่ญาติของฮัคคาบีต่างช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะฮัคคาบีขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่รักแม่และมีความเชื่อเรื่องศาสนาอย่างมาก นายไบรอัน ลอว์เลส บิดาของฮัคคาบีเปิดเผยว่าสมาชิกในครอบครัวต่างร้องไห้และร่วมกันสวดมนต์ระหว่างที่มาเยี่ยมฮัคคาบีทั้งนี้ ฮัคคาบีจะถูกนำตัวขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 24 เมษายน โดยคาดว่าวันนั้นฮัคคาบีจะให้ปากคำต่อศาลซึ่งอาจเป็นการรับสารภาพหรือยืนยันต่อสู้คดี (เอพี/เอเอฟพี) (กรอบบ่าย)

ข้อคิด 12 ประการสำหรับการเป็นพ่อแม่ที่ดี

1) ฉันจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขา

2) ฉันจะสร้างให้เขาภูมิใจ ในคุณค่าของตัวเองให้มากๆ

3) ฉันจะเลิกเปรียบเทียบเขากับพี่น้องคนอื่น

4) ฉันจะชมเขามากกว่าวิจารณ์ด่าทอเขา

5) ฉันจะให้กำลังใจเขา ไม่ซ้ำเติม เมื่อเขาผิดพลาด

6) ฉันจะมีเวลาให้เขามากขึ้น ลดงานและข้ออ้างต่างๆ ให้น้อยลง

7) ฉันจะกอดเขา จะบอกให้เขารู้ว่าฉันรักเขาทุกวัน

8) ฉันจะพูดกับเขา แทนการใช้อำนาจกับเขา

9) ฉันจะมองเขา รับฟังเขาให้มากขึ้น

10) ฉันจะไม่ผลักดัน คาดหวังให้เขาต้องมาเติมความความฝันที่ฉันเอาเติมให้กับตัวเองไม่ได้

11) ฉันจะไม่นำความต้องการของฉัน มาเป็นเงื่อนไขบีบบังคับให้เขามาเป็นบุคคลที่ฉันต้องการ

12) เชื่อว่าหากคุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ดังนี้ปัญหาวัยรุ่นในสังคมจะหมดไป และอนาคตของลูกหลานไทยก็จะสดใส ประเทศก็จะก้าวหน้ารุ่งเรืองและเข้มแข็งฉันจะบอกให้เขารู้ว่า ไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นไรเขาคือคนที่ฉันรักและภูมิใจมากที่สุดเหตุจำเป็นที่จะต้องมีการกำหนดหน้าที่ของบิดามารดา คือ

1. เพื่อให้บิดามารดาสำนึกในหน้าที่ของการเป็นพ่อแม่ที่ดี

2. เพื่อรักษาคุณภาพความเป็นมนุษย์ไว้ในฐานะผู้ให้

3. เพื่อแก้ปัญหาสังคมเรื่องบิดามารดาทอดทิ้งบุตรธิดา

4. เพื่อสร้างหลักประกันให้แก่สังคมระหว่างบิดามารดากับบุตรธิดา

5. เพื่อจรรโลงคุณธรรมของบิดามารดาไว้ในสำนึกของบุตรธิดา

6. เพื่อป้องกันมิให้บุตรธิดาประพฤติเสียหาย เพราะไม่มีผู้ดูแลเอาใจใส่

7. เพื่อให้บุตรธิดาได้เห็นแบบอย่างและแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตัวที่ดีในสังคม

8. เพื่อให้บิดามารดาคอยประคับประคอง เป็นพี่เลี้ยงบุตรธิดาจนกว่าจะช่วยตัวเองได้ ไม่เป็นภาระแก่สังคม

**หากพ่อแม่ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ของท่านมาเป็นอย่างดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง ไม่กลัวต่อความยากลำบากอย่างครบถ้วน บริบูรณ์แล้ว เชื่อเหลือเกินว่าคนแรกที่อยู่ในหัวใจลูกๆ คือพ่อแม่ เพราะแม่คือหัวใจของบ้าน **

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

การเปิดใจ

การเปิดใจ...ทำให้รู้ว่า...ไม่ได้อยู่คนเดียว
การเปิดใจ...เป็นหนทางไปสู่...ความเข้าใจ
การเปิดใจ...เป็นหนทางไปสู่...การให้อภัย
การเปิดใจ...เป็นหนทางไปสู่...การเริ่มต้นใหม่
การเปิดใจ...เป็นหนทางไปสู่...การใช้ใจ...รักษาใจ

การเปิดใจทำได้ง่ายๆโดยการวางใจไว้ในมือ...เพียงเท่านั้น
แล้วสองใจก็จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว...

กลายเป็นคำสัญญาว่าเมื่อวันที่คนนึงล้ม...อีกคนจะคอยเป็นหลัก
หรือถึงแม้ว่าจะล้มด้วยกันทั้งคู่...เราก็ยังมีมือของอีกคน
คอยประคอง...ให้ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง...อย่างมั่นคง


ขอแค่เปิดหัวใจ...และวางหัวใจลงในมือเท่านั้นเอง...ทำได้ไหม?


แม้ปัญหาที่ยิ่งใหญ่จะไม่ได้ลดน้อยลง...แต่อย่างน้อย
มันก็อุ่นใจไม่ใช่เหรอ...ที่รู้ว่าเราไม่ได้สู้...อยู่เพียงลำพัง

ไม่ยากเลยใช่ไหม...ก็แค่เปิดใจ...เท่านั้นเอง...นะคะ

ทายนิสัย จากการร้องไห้ T^T~

//ร้ อ ง ไ ห้ ไม่ ย อ ม ห ยุ ด//

ใครก็ตามที่เมื่อมีเรื่องเสียใจมากๆก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุดแม้ว่าจะไม่สะอื้นฮักๆออกมาแต่ก็มีน้ำตาคลอจนดวงตาแดงก่ำไปหมดแสดงว่าเป็นคนที่จริงจังในชีวิตเมื่อเชื่อถืออะไรสักอย่างก็จะเชื่อมั่นอย่างนั้นไปตลอดกาลเป็นคนซื่อสัตย์เกลียดการโกหกหลอกลวงและจะรับไม่ได้เลยกับการเอาเปรียบฉ้อโกงหรือรังแกกันและกันแต่เมื่อผ่านวิกฤติการณ์ไปแล้วหรือหลังจากผ่านการร้องไห้อย่างหนักไปแล้วคนแบบนี้มักจะตัดใจหรือตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด

//เ ก็ บ ตั ว เพี ยง ลำ พั ง//

ส่วนคนที่เวลามีเรื่องเสียใจก็ชอบหลีกหนีผู้คนไปอยู่เพียงลำพังเก็บตัวเงียบๆไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใครแสดงว่าเป็นคนสะเทือนใจง่ายช่างคิดชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลมักมีโลกส่วนตัวซึ่งยากที่ใครๆจะเข้าถึงติดนิสัยปิดกั้นตัวเองแต่ในขณะเดียวกันเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขันอย่างแท้จริงก็จะเป็นผู้ที่มีความอดทนสูงอย่างไม่น่าเชื่ออีกอย่างหนึ่งคือเป็นคนที่มีใจรักศิลปะ

//อ า ล ะ ว า ดหรื อ ปา ข้ า ว ข อง//

แต่ถ้าใครเสียใจมากๆแล้วแสดงออกด้วยการโยนข้าวของหรืออาละวาดพาลเกเรกับคนอื่นแสดงว่าเป็นคนที่มักมีวัยเกขาดความอบอุ่นโตขึ้นจะมีนิสัยเรียกร้องความสนใจจะมีความต้องการความรักความห่วงใยจากคนอื่นค่อนข้างมากชอบตอบโต้ผู้อื่นด้วยการแสดงท่าทีก้าวร้าวแต่ในใจลึกๆแล้วกลับไม่ใช่คนเก่งกล้าอะไรเลยค่อนข้างจะอ่อนแอด้วยซ้ำไปส่วนคนที่เวลาเสียใจไม่อาละวาดทำร้ายคนอื่นแต่กลับทำร้ายตัวเองแทนจริงๆแล้วแสดงว่าเป็นคนขี้กลัวมักจะมีท่าทางเรียบร้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นแต่ใจลึกๆกังวลและกดดันจะเป็นคนที่ชอบการแสดงออกอย่างตรงกันข้ามเช่นกลัวก็จะทำเป็นกล้าไม่พอใจก็จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและบางคนก็อาจจะชอบเก็บตัวอยู่ในที่ที่รู้สึกว่าปลอดภัยแต่ในที่สุดแล้วก็ต้องการความรักและความเห็นใจจากคนอื่นๆมากเช่นกัน

//ทำ เ ป็ น ไม่ มี อ ะ ไ ร เ กิ ด ขึ้ น//

ส่วนคนที่เวลาเสียใจก็จะยิ่งทำตัวเข้มแข็งเฮิร์ทแค่ไหนก็ทำเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตซักหน่อยนั่นแสดงว่าเป็นคนที่มีความหยิ่งอยู่ในตัวเป็นคนคิดมากเรื่องศักดิ์ศรีไม่ชอบการตกเป็นเป้าสายตาใครในเรื่องเสียหายและจะมีความเชื่อมั่นมากว่าตัวเองสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆในชีวิตของตัวเองได้เมื่อมีปัญหาจะพยายามแก้ไขด้วยตัวเองก่อนที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น

//อ อ ก เ ที่ ยว ห รื อ พ บ ป ะ เ พื่ อ น ฝูง ม า ก ๆ//

สำหรับคนที่เสียใจแล้วไม่ชอบอยู่คนเดียวต้องออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆหรือเริ่มติดต่อไปหาเพื่อนฝูงแบบว่าที่ยังไๆก็ขอให้มีคนอื่นอยู่ด้วยแสดงว่าเป็นคนที่รู้จักตัวเองดีรู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายอย่างไรบ้างในชีวิตต้องการอะไรกันแน่เวลาทำอะไรก็จะผลักดันให้ตัวเองไปสู่เป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมแม้ว่าลึกๆแล้วจะเจ็บปวดหรืออ่อนไหวแค่ไหนก็จะอดทนไม่ยอมแพ้จัดว่าเป็นคนที่มีวุฒิภาวะสูงมากทีเดียว

//ทำ ง า น อ ย่า ง ห นั ก//

ส่วนคนที่พอมีเรื่องเสียใจก็มุมานะทำงานแสดงว่าเป็นคนที่ชอบการลิขิตชีวิตตัวเองไม่เชื่อเรื่องของพรหมลิขิตหรอืโชคชะตาจะภูมิใจมากในสิ่งที่ตัวเองหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงคนแบบนี้เมื่อรักใครก็จะทุ่มเทจนหมดกายหมดใจแต่ถ้าหมดรักใครก็จะตัดใจได้อย่างเด็ดขาดเช่นกันและถ้าหากมีความสุขมากๆก็จะชอบแบ่งปันให้คนอื่นเพราะเป็นคนที่รักและจริงใจเพื่อนพ้องและครอบครัวตราบใดที่คนอื่นๆไม่เข้ามาจุ้นจ้านยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากเกินไป

//ห า ท า ง แ ก้แ ค้ น (กรณีคนอื่นทำให้เสียใจ)//

และถ้าใครมี่เวลาเกิดเรื่องทำให้เสียใจก็จะคิดไปถึงเรื่องการแก้แค้นโต้ตอบเอาคืนทำอะไรไม่ได้ขอสาปแช่งก็ยังดี (กรณีเสียใจเพราะผู้อื่น)เรียกง่ายๆว่าถือคติ"กรรมต้องสนองด้วยการของเวรเท่านั้น)แสดงว่ามักเป็นคนลุ่มหลงอะไรง่ายจนบางครั้งหลงผิดอยู่บ่อยๆแต่ก็ไม่รู้ตัวจะเป็นคนซีเรียสในเรื่องสมบัติทรัพย์สินเป็นคนไม่ยอมคนหรือบางทียอมหักไม่ยอมงอด้วยซ้ำไปแต่ถ้ารักใครก็รักจริงเอามากๆ

คุณค่าของการร้องไห้

คนเรา..
อย่าพยายามกักเก็บน้ำตา
ถ้ารู้ว่ามันเกินจะกั้นไว้ได้
ไม่มีใครเกิดมาแล้วไม่เคยร้องไห้
แม้กระทั้ง วันแรกที่ลืมตาดูโลก
ก็ต่างร้องไห้ด้วยกันทั้งนั้น...จริงม่ะ?



เมื่อมี...
น้ำตา...นั่นไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอ
แต่ บางทีอะไรที่มันมากเกินไป เกินกว่าที่จะรับไว้
ก็จำเป็นที่ต้องระบายออกมาบ้าง


ดีใจมาก...เสียใจมาก...ตื้นตันมาก
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เราเสียน้ำตาได้ทั้งนั้น
เพียงแต่อย่าฝืนตัวเอง ต้องยอมรับความรู้สึกของตัวเอง
อย่าปิดกั้นความอ่อนแอ....ของตัวเอง



ถ้าอยากร้องไห้...ก็ร้อง ซะให้หายอึดอัด
ร้องไห้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย
เรากล้าที่จะร้องไห้ คือ คนที่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง
ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็น..



เพราะ คนที่เสียใจแล้วไม่ร้องไห้ ไม่ระบายออกมา
นานๆไปอาจจะทำให้มีความเศร้าอยู่ลึกๆ
แล้วเลือกที่จะระบายออกมาเลยไม่ดีกว่าหรือ



อย่าพยายาม อดกลั้น ที่จะร้องไห้ปล่อยให้
น้ำตามันไหลออก จนกว่าจะสบายใจ
และ เมื่อน้ำตาเหือดแห้งไป
เราจะได้ความเข้มแข็งกลับมาให้ตัวเรา




การโกหก

เรื่องของการโกหก.เป็นเรื่องที่สุดแล้วแต่คนจะมอง
คนบางคนสามารถปล่อยให้ "คนรัก"
พูดโกหกกับตัวเองได้ เรื่อย เรื่อย


ถ้าจับโกหก.ได้ก็เพียงแค่ "โกรธ" ไม่นานก็หาย
หลังจากนั้นก็ไม่คิด ติดใจอะไร
เพราะมองว่าการโกหก.นั้นเป็นแค่ "เรื่องเล็กน้อย"


ในขณะที่คนบางคน...
มองว่าการโกหก.เป็น "เรื่องที่เลวร้ายมาก"
ถ้ารู้เมื่อไหร่ว่าตัวเองถูก "คนรัก" โกหก.


ก็จะรู้สึกรับไม่ได้ ถึงแม้จะยอมให้ "อภัย"
แต่จะไม่ยอมให้โอกาสเขาได้ โกหก.อีก
และเมื่อถูก โกหก.หนึ่งครั้ง
ต่อไปก็จะไม่เชื่อใจ "คนรัก" อีกต่อไปแล้ว



สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้.คือคนประเภทหลัง
มักจะได้คบหากับ.คนที่ดีและมี.ความจริงใจมากกว่า
เพราะเมื่อเจอคนชอบโกหก.ก็ "ตัดทิ้ง" ออกไปหมด


ไม่เสี่ยงคบไว้ให้ "ตัวเอง" ต้องเจ็บภายหลัง
แต่คนประเภทแรก.ที่มองว่าการโกหก.เป็นเรื่องเล็กนั้น
มักต้อง"เจ็บปวด เสียใจ"และเสีย"ความรู้สึก"อยู่เสมอ


เพราะ"ความรัก ความไว้ใจ"และโอกาสมากมาย
เหลือเฟือที่มีให้กับคนรักจอมโกหก.หลอกลวงนั่นเอง
ส่วนตัวเรานั้นจะเลือกมองอย่างไหน


ก็สุดแท้แต่ความต้องการของ "ตัวเราเอง"
แต่อย่างหนึ่งที่ควรจำใส่ใจ เอาไว้ก็คือ...

**.ตัวเราเองจะไม่มีวันโกหกใคร.**
**.ถ้าหากว่าเรารักเขา จริง จริง.**
**.ดังนั้นคนที่พร่ำพูดว่ารักเรา.**
**.ก็ควรที่จะปฎิบัติตัว.**
**.เหมือนกับเราเช่นกัน.**

หากเขามีความจำเป็นที่ต้องโกหก.เราครั้งสองครั้ง
ก็ยังพอให้อภัยได้
แต่หากว่าเริ่มจะบ่อยครั้ง เกินไป

เราคงต้องกลับมาคิด ดูใหม่
ว่านี่หรือ.คือคนที่บอก"ว่ารักและจริงใจ"กับเรานักหนา
ใช่ จริง จริง หรือ ? .....


"เหตุผลของการโกหกนั้นมีอยู่ข้อเดียว
"คือความ * ไม่จริงใจ *
"และไม่ว่าเขาจะอ้างเหตุผล*ข้อไหน*
"ก็ให้รู้ไว้ว่า * มันไม่จริงใจทั้งนั้น *