วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

ตำนานโลก ปิรามิดแห่งกิซ่า


The Great Pyramid of Egypt เมืองกิซา ประเทศอียิปต์

ปิรามิดเป็นสิ่งก่อสร้างรูปกรวยเหลี่ยมสำหรับเป็นที่เก็บศพกษัตริย์อียิปต์โบราณ ในอียิปต์มีอยู่ 70 ด้วยกัน แต่ปิรามิด 3 แห่งที่อยู่เมืองกีซ่า คือ หลุมฝังศพของพระเจ้าฟาโรห์คีออพส์(พระเจ้าคูฟู) คีเฟรน และไมซีรีนัส เป็นปิรามิดที่ใหญ่ที่สุดสันนิษฐานว่าปิรามิดนี้ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ 4600 ปีมาแล้ว นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและยังคงตั้งตระหง่านอยู่เพียงแห่งเดียวในโลก ใช้เวลาสร้าง 10 ปี

ปิรามิดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามอันแห่งเมืองกีซ่านี้ ที่ใหญ่ที่สุดคือปิรามิดของพระเจ้าฟาโรห์คีออพส์ เรียกว่ามหาปิรามิด

- ฐานของปิรามิดแห่งนี้มีความกว้างถึง 570,000 ตาราง768 ฟุต บริเวณฐานปิรามิด 4 ด้านนั้น มีความกว้างยาวเท่ากัน คือ 755 ฟุต หรือ 230.12 เมตร จะแตกต่างกันมากน้อยแค่ 8 นิ้ว

- ตัวมหาปิรามิดนี้สูงประมาณ 432 ฟุตประมาณได้ว่ามีหินก้อนมหึมาถึง 2,300,000 ก้อน หนักกว่า 6,000,000 ตัน แต่ละก้อนหนักถึง 2.5 ตัน บางก้อนหนักถึง 16 ตัน กว้างยาวประมาณ 3 ฟุต หรือ 1 เมตร

สันนิษฐานว่าผู้สร้างปิรามิดนี้อาศัยดวงดาวเป็นหลัก นอกจากความใหญ่โตอันน่ามหัศจรรย์ของปิรามิดแล้ว การก่อสร้างให้สำเร็จยัง น่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่าหลายเท่าถ้าทราบว่าหินเหล่านี้ต้องสกัดมาจากภูเขาที่อยูไกล แล้วลากมาสู่ฝั่งแม่น้ำไนล์ ล่องลงมาเป็นระยะทางนับร้อยไมล์ จึงมาถึงจุดใกล้ที่ก่อสร้าง แล้วชักลากผ่านทะเลทรายไปถึงที่ก่อส้างต้องแต่งสลักเป็นแท่งสี่เหลี่ยม แล้วยก วางซ้อนขึ้นไปจนถึง 432 ฟุต

ใจกลางปิรามิดมีห้องเก็บพระศพของพระเจ้าคีออพส์ข้างในทำจากหินแกรนิต กว้าง 34 ฟุต ยาว 17 ฟุต และสูง 19 ฟุต หีบพระศพของพระเจ้าคีออพส์ทำด้วยหินแกรนิตตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของห้องปิรามิดของพระเจ้าคีออพส์ ล้อมรอบด้วยหลุมศพ และปิรามิดเล็ก ๆ อีก 3 แห่ง ซึ่งเป็นของสมาชิกในราชวงศ์และในราชสำนักชั้นสูง

ปิรามิดแห่งที่สองของกีซ่าเป็นปิรามิดคีเฟรน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมหาปิรามิด เล็กกว่ามหาปิรามิดเล็กน้อย คือสูง 460 ฟุต ช่วงบนของปิรามิดนี้มีลักษณะเด่นเพราะเป็นหินปูนขาว

ปิรามิดไมซีรีนัส เป็นปิรามิดที่เล็กที่สุดในบรรดาทั้งสามแห่ง สูงแค่ 230 ฟุต นอกเหนือจากปิรามิดทั้งสามแล้วยังมี ตัวสฟิงซ์ซึ่งมีชื่อเสียงมากเช่นกัน โดยแกะสลักหินก้อนใหญ่เป็นรูปสิงโตหมอบอยู่แต่หน้าเป็นมนุษย์ใบหน้านี้เป็นใบหน้าของพระเจ้าคีเฟรน ซึ่งมีคนนับถือเป็นพระเจ้าแห่งพระอาทิตย์ รูปสฟิงซ์นี้สูงถึง 66 ฟุต ยาว 240 ฟุต หมอบเฝ้าปากทางที่พามุ่งตรงไปยังปิรามิดแห่งคีเฟรน



ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเต่าทะเล

เต่าทะเลเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ ที่เคยมีหลักฐานพบว่าอาศัยอยู่ทั่วไปในสมัย ๑๓๐ ล้านปีก่อน นอกจากนั้นยังมีหลักฐานว่าเคยพบซากโบราณ (Fossil) ก่อนหน้านั้นไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ล้านปี การแพร่กระจายของเต่าทะเลพบเฉพาะในเขตร้อนและเขตอบอุ่นเต่าทะเลจะขึ้นมาบนฝั่งเฉพาะเพศเมีย เพื่อวางไข่แพร่พันธุ์เท่านั้น เต่าทะเลทั่วโลกที่พบมีอยู่ ๗ ชนิด ได้แก่ เต่ามะเฟือง เต่ากระ เต่าตนุ เต่าตนุหลังแบน เต่าหัวฆ้อน เต่าหญ้า และเต่าหญ้าแอตแลนติก

ประเทศไทย มี ๔ ชนิดที่พบ คือ เต่าตนุ เต่ากระ เต่าหญ้า และเต่ามะเฟือง

เต่าทะเลในน่านน้ำไทยที่เคยพบและรายงานไว้มีทั้งหมด ๕ ชนิด จัดเป็น ๒ วงศ์ (Family)

วิธีการจำแนกชนิดของเต่าทะเล ใช้ลักษณะกระดอง จำนวนเกล็ดบนกระดอง และจำนวนเกล็ดระหว่างจะงอยปากกับตา


๑. วงศ์ CHELONIIDAE



เต่าตนุ ชื่ออังกฤษ GREEN TURTLE

ชื่อวิทยาศาสตร์ CHELONIA MYDAS

ลักษณะเด่น : เกล็ดบนส่วนหัวตอนหน้า ( Prefrontal Scale ) มีจำนวน ๑ คู่ เกล็ดบนกระดองแถวข้าง ( Costal Scale ) จำนวน ๔ เกล็ด ลักษณะขอบของเกล็ดจะเชื่อมต่อกัน ไม่ซ้อนกัน สีสันและลวดลายสวยงาม โดยมีกระดองสีน้ำตาลอมเหลือง มีลายริ้วสีจางกว่ากระจายจากส่วนกลางเกล็ด มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เต่าแสงอาทิตย์

ขนาด : โตเต็มที่ความยาวกระดอง ประมาณ ๑๕๐ เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ ๒๐๐ กิโลกรัม ขนาดโตถึงแพร่พันธุ์ ความยาวประมาณ ๘๐ เซนติเมตร

อาหาร : เต่าตนุเป็นเต่าชนิดเดียวที่กินพืชเป็นอาหาร เมื่อพ้นวัยอ่อนแล้ว อาหารหลัก ได้แก่ พวกหญ้าทะเล และสาหร่ายชนิดต่าง ๆ เต่าตนุในวัยอ่อนจะกินทั้งพืชและเนื้อสัตว์เป็นอาหาร

แหล่งที่พบ : แหล่งวางไข่เต่าตนุในอ่าวไทย พบที่เกาะคราม จ.ชลบุรี และพบประปรายทางฝั่งอันดามัน ทางชายทะเลตะวันตกของ จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต รวมทั้งบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะสิมิลัน




เต่ากระ ชื่ออังกฤษ HAWKSBILL TURTLE

ชื่อวิทยาศาสตร์ ERETMOCHELYS IMBRICATA

ลักษณะเด่น : จะงอยปากค่อนข้างแหลมงุ้มคล้ายปากเหยี่ยว เกล็ดบนส่วนหัวตอนหน้า มี ๒ คู่ เกล็ดบนกระดองแถวข้างมี จำนวน ๔ เกล็ด ลักษณะเด่นชัด คือเกล็ดบนกระดองมีลวดลายริ้วสีสวยงาม และลักษณะของเกล็ดซ้อนกันเห็นได้ชัด ลักษณะค่อนข้างคล้ายเต่าตนุ

ขนาด : โตเต็มที่ยาวประมาณ ๑๐๐ เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ ๑๒๐ กิโลกรัม ขนาดโตถึงขั้นแพร่พันธุ์ได้ประมาณ ๗๐ เซนติเมตร

อาหาร : เต่ากระอาศัยอยู่ตามแนวปะการัง โดยเฉพาะเมื่อขนาดเล็ก จะอาศัยตาม ชายหาดน้ำตื้น กินสัตว์จำพวกฟองน้ำ หอย และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังชนิดต่าง ๆ เป็นอาหาร

แหล่งที่พบ : แหล่งวางไข่เต่ากระในอ่าวไทย พบที่ เกาะคราม จ.ชลบุรี และพบกระจัดกระจายตามหมู่เกาะต่าง ๆ ทางทะเลอันดามัน รวมทั้งแนวหาดทราย จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต



เต่าหญ้า ชื่ออังกฤษ OLIVE RIDLEY TURTLE

ชื่อวิทยาศาสตร์ LEPIDOCHELYS OLIVACEA

ลักษณะเด่น : กระดองเรียบ สีเทาอมเขียว สีสันของกระดองไม่สวยงามเท่า เต่ากระและเต่าตนุ ส่วนหัวค่อนข้างโต จะงอยปากมนกว่าเต่าตนุ ที่แตกต่างกันชัดเจน คือ เกล็ดบนส่วนหัวตอนหน้า มีจำนวน ๒ คู่ และเกล็ดบนกระดองแถวข้างมีจำนวน ๖ - ๘ แผ่น ในขณะที่เต่าตนุและเต่ากระมีเพียง ๕ แผ่น และลักษณะพิเศษของเต่าหญ้า คือกระดองส่วนท้องแถวกลาง ( Inframarginal Scale ) มีรูสำหรับขับถ่าย หรือรูเปิดสำหรับประสาทรับความรู้สึก (ยังไม่ทราบระบบการทำงานที่ชัดเจน) จำนวน ๕ คู่

ขนาด : เต่าหญ้าเป็นเต่าทะเลที่มีขนาดเล็กที่สุดในจำพวกเต่าทะเล ขนาดโตเต็มที่ประมาณ ๗๕ – ๘๐ เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ ๘๐ กิโลกรัม ขนาดโตเต็มที่สามารถแพร่พันธุ์ได้ความยาวกระดองประมาณ ๖๐ เซนติเมตร

อาหาร : เต่าหญ้ากินพวก หอย ปู ปลา และกุ้งเป็นอาหาร จึงอาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลทั่วไป มีจะงอยปากใหญ่คมและแข็งแรง สำหรับกัดหอยที่มีเปลือกเป็นอาหาร

แหล่งวางไข่ : พบมากทางฝั่งทะเลอันดามัน ตามหาดทรายฝั่งตะวันตกของ จ.ภูเก็ต พังงา และหมู่เกาะในทะเลอันดามัน ไม่พบเต่าหญ้าขึ้นวางไข่ฝั่งอ่าวไทย



เต่าหัวฆ้อน ชื่ออังกฤษ LOGGERHEAD TURTLE

ชื่อวิทยาศาสตร์ CARETTA CARETTA
ลักษณะเด่น : ลักษณะเด่นทั่ว ๆ ไปคล้ายเต่าหญ้าและเต่าตนุมาก ต่างกันที่เกล็ดบน ส่วนหัวตอนหน้ามี จำนวน ๒ คู่ เท่ากับเต่าหญ้า แต่เกล็ดบนกระดองหลังแถวข้างมีจำนวน ๕ แผ่นซึ่งต่างจากเต่าทะเลชนิดอื่น ๆ และรูปทรงของกระดองจะเรียวเล็กลงมาทางส่วนท้าย

อาหาร : กินอาหารจำพวก หอย หอยฝาเดียว และปู เป็นอาหาร

แหล่งวางไข่ : ปัจจุบันไม่มีรายงานการพบเต่าหัวฆ้อนขึ้นวางไข่ ในแหล่งวางไข่เต่าทะเลของไทยอีกเลยตลอดระยะเวลา ๒๐ ปีที่ผ่านมา ซึ่งเข้าใจว่าคงจะสูญพันธุ์ไปจากน่านน้ำไทยแล้ว

๒.วงศ์ DERMOCHELYIDE



เต่ามะเฟือง ชื่ออังกฤษ LEATHERBACK TURTLE

ชื่อวิทยาศาสตร์ DERMOCHELYS CORIACEA

ลักษณะเด่น : เต่ามะเฟืองแตกต่างจากเต่าทะเลชนิดอื่นอย่างชัดเจน ตรงที่มีขนาดใหญ่มากนอกจากนั้นกระดองไม่เป็นเกล็ด มีลักษณะเป็นแผ่นหนังหนามีสีดำ อาจมีสีขาวแต้มประทั่วตัว กระดองเป็นสันนูนตามแนวความยาวจากส่วนหัวถึงส่วนท้าย จำนวน ๗ สัน ไม่มีเกล็ดปกคลุมส่วนหัว จะงอยปากบนมีลักษณะเป็นหยัก ๓ หยัก

ขนาด : ขนาดโตเต็มที่มีความยาวกระดอง ประมาณ ๒๕๐ ซม. น้ำหนักกว่า ๑,๐๐๐ กก. ขนาดที่พบขึ้นมาวางไข่ไม่ต่ำกว่า ๑๕๐ ซม.

อาหาร : เต่ามะเฟืองอาศัยอยู่ในทะเลเปิด กินอาหารจำพวกพืชและสัตว์ที่ล่องลอยตามน้ำ โดยอาหารหลักได้แก่ แมงกะพรุน

แหล่งวางไข่ : เต่ามะเฟืองปัจจุบันมีจำนวนน้อยมาก พบขึ้นวางไข่บ้างบริเวณหาดทรายฝั่งอันดามัน จ.พังงา ภูเก็ต และหมู่เกาะต่าง ๆ ปัจจุบันไม่พบเต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่ในอ่าวไทย

เรือหลวงจักรีนฤเบศร



เรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นเรือบรรทุกอากาศยานลำแรกและลำเดียวในขณะนี้ของราชนาวีไทยและอาเซียน ประจำการในส่วนกำลังรบของกองทัพเรือ เป็นเรือที่ต่อขึ้นจากประเทศสเปน ขึ้นระวางประจำการเมื่อ วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2540 ได้ใช้งานปฏิบัติภารกิจด้านยุทธการและช่วยเหลือภัยพิบัติตลอดน่านน้ำไทยทั้งฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน นอกจากนี้ยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมตามวันและเวลาที่กำหนดด้วย

เมื่อเกิดภัยพิบัติจากพายุเกย์บริเวณฝั่งทะเลอ่าวไทย จังหวัดชุมพร เมื่อปี พ.ศ. 2533 กองทัพเรือได้ใช้เรือและอากาศยานที่มีอยู่ทำการช่วยเหลือและค้นหาผู้ประสบภัย แต่นับว่ายังขาดเรือที่มีความทันสมัยและพิสัยทำการที่กว้างไกล กองทัพเรือจึงมีแนวคิดที่จะสร้างเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ปฏิบัติภาระต่างๆ เหล่านี้ได้ จึงได้ว่าจ้างบริษัท บาซาน เมืองเฟรรอล ประเทศสเปน เป็นเงิน 7,000 ล้านบาท

ทั้งนี้กองทัพเรือได้ขอพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้ทรงพระกรุณาฯ พระราชทานชื่อว่า เรือหลวงจักรีนฤเบศร

การช่วยเหลือผู้ประสบภัย นับเป็นภารกิจที่สำคัญในยามสงบของ ร.ล.จักรีนฤเบศร นับตั้งแต่ต่อเรือลำนี้ และได้เข้าประจำการในกองทัพเรือเมื่อปี พ.ศ.2540 ได้ออกปฏิบัติภารกิจค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์ต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง ได้แก่้ี้

พายุไต้ฝุนซีตาห์

เมื่อ 24 สิงหาคม พ.ศ.2540 ได้เกิดพายุไต้ฝุ่นซีตาห์ที่จังหวัดชุมพร ร.ล.จักรีนฤเบศร เป็นหน่วยกำลังแรกที่เข้าถึงพื้นที่ประสบภัย และได้ดำเนินการ ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งติดอยู่ตามตำบลที่ต่างๆ โดยที่การช่วยหลือทางบกไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงจนไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยได้ การดำเนินการเบื้องต้น คือ การใช้เฮลิคอปเตอร์จากเรือ นำอาหารที่ประกอบเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งน้ำดื่มไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ติดอยู่ตามตำบลที่ต่างๆ การช่วยเหลือเบื้องต้น
ี้นี้จะทำให้ผู้ประสบภัยสามารถประทั้งชีวิตอยู่ได้ ในช่วงที่การช่วยเหลือจากหน่วยบก
ยังเข้าไปไม่ถึง
นอกจากนี้ยังได้ใช้ เฮลิคอปเตอร์จากเรือ ทำการลำเลียงผู้ป่วยจากตำบลที่ต่างๆไปยังโรงพยาบาลที่ยังเปิดให้บริการอยู่ รวมถึงการนำผู้ป่วย มารับการรักษาพยาบาลตามแหล่งชุมชนต่างๆอีกด้วย เมื่อสภาพน้ำท่วมลดลงการช่วยเหลือโดยทางบกสามารถดำเนินการได้ดีขึ้น ร.ล.จักรีนฤเบศร จึงได้้ถอนตัวออกจากพึ้นที่ประสบภัยพิบัติ และเดินทางกลับที่ตั้งปกติ

พายุไต้ฝุ่นลินดา
เมื่อวันที 4-7 พฤศจิกายน พ.ศ.2540 ร.ล.จักรีนฤเบศร ได้ออกเรือเพื่อให้การช่วยเหลือเรือประมงในทะเล ที่ประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่นลินดา โดยลาดตระเวนจากสัตหีบไปยังเกาะกูดจังหวัดตราด จนถึง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เหตุการณ์น้ำท่วม ที่จังหวัดสงขลา
กองทัพเรือได้สั่งการให้หน่วยต่างๆดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดสงขลา โดยกองทัพเรือกำหนดให้ ร.ล.จักรีนฤเบศร ออกเรือเพื่อปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 23-29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ซึ่ง ร.ล.จักรีนฤเบศร ออกจากท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ ใน 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2543 และจอดเรือบริเวณ เกาะหนู จังหวัดสงขลา ในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2543 ร.ล.จักรีนฤเบศร ได้เริ่มปฏิบัติการการบินตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2543 และส่งชุดปฏิบัติการพิเศษพร้อมเรือยาง ลำเลียงเอาอาหารและสิ่งของจำเป็น ส่งถึงผู้ประสบภัย


เหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงพนมเปญ
เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2546 เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงพนมเปญ และสถานเอกอัคราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญจนได้รับความเสียหาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพเตรียมความพร้อมในการอพยพประชาชนชาวไทยในกัมพูชา ให้เดินทางกลับประเทศไทย โดยในเบื้องต้นรัฐบาลมอบหมายให้ กองทัพเรือจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกของสนามบินอู่ตะเภา เพื่อสนับสนุน การปฏิบัติการลำเลียงทางอากาศของ กองทัพอากาศ และให้กองทัพเรือจัดตั้ง หมู่เรือปฏิบัติการพิเศษ โดยมี พล.ร.ต.วัลวภ เกิดผล หน.ฝอ.ศปก.ทร./ผช.เสธ.ทร.ฝยก.เป็นผบ.หมู่เรือ ประกอบด้วย

โดยการปฏิบัติพิเศษนี้ เป็นการปฏิบัติภารกิจ สนับสนุนการอพยพ จนท.สถานเอกอัครราชทูตไทย และครอบครัว ตลอดจนประชาชนชาวไทยในกัมพูชา ให้เดินทางกลับประเทศไทยโดยปลอดภัย และเตรียมพร้อมปฏิบัติการบริเวณพื้นที่ด้านตะวันตกของเกาะกง นอกน่านน้ำอาณาเขตประเทศกัมพูชา

เหตุการณ์ธรณีพิบัติคลื่นสึนาม
จากเหตุการณ์ธรณีพิบัติ จนทำให้เกิดคลื่นยักษ์ Tsunami บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน ในวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2547 นั้น ผู้บัญชาการทหารเรือได้สั่งการให้ กองเรือยุทธการจัดตั้งหมู่เรือช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล (มชภ.) โดยมี พล.ร.ต.สุรศักดิ์ พุ่มพวง ผบ.กบฮ. เป็น ผบ.มชภ. มีกำลังพลรวมทั้งสิ้น 760 นาย ซึ่งประกอบด้วย ร.ล.จักรีนฤเบศร, ร.ล.นเรศวร, 3 ฮ.ปด.1 (S70B), 1 ชุด ชปพ.นสร. และชุดแพทย์เคลื่อนที่ โดยได้รับภารกิจ
- ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย บริเวณเกาะต่างๆ และพื้นที่ทะเลด้านใต้ของเกาะภูเก็ต ทั้งหมด
- การเก็บกู้ศพและลำเลียงศพจากเกาะพีพีดอน
- การฟื้นฟูและพัฒนาสิ่งปลูกสร้าง โรงเรียน และสถานที่ราชการ
- การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งชาวไทยและต่างชาติ
- การให้การรักษาพยาบาล แก่กำลังพลของเรือและผู้ประสบภัย
- การให้การสนับสนุนและรับการตรวจเยี่ยมจากนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ และกองทัพเรือ

ทุกโมงยามที่ผ่านไป ทุกภาระกิจที่ได้รับมอบหมาย ทุกอุปสรรคภยันตรายที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าภัยธรรมชาติจะร้ายแรงปานใด ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใด แม้สุดเขตแดนไทยในมหาสมุทร เพื่อปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติที่เราหวงแหน เพื่อบรรเทาทุกข์ภัยให้กับพี่น้องชาวไทยทั้งมวล และเพื่อเกียรติศักดิ์ศรีของราชนาวีไทย พวกเราขอฝ่าฟันไป ครองเวหา ครองนที จักรีนฤเบศร

Famous People with Dyslexia ~ Authors



Agatha Christie (1890 – 1976), was an English crime fiction writer. She also wrote romances under the name Mary Westmacott, but is remembered for her 66 mystery novels. Her work with mystery novels, particularly featuring detectives Hercule Poirot or Miss Marple, have given her the title the 'Queen of Crime' and made her one of the most important and innovative writers in the development of the mystery novel. Christie has been called - by the Guinness Book of World Records, among others - the best-selling writer of books of all time, and the best-selling writer of any kind second to William Shakespeare.
An estimated one billion copies of her novels have been sold in English, and another billion in 103 other languages. As an example of her broad appeal, she is the all-time best-selling author in France, with over 40 million copies sold in French (as of 2003) versus 22 million for Emile Zola, the nearest contender. In 1955, Christie was the first recipient of the Mystery Writers of America's highest honor, the Grand Master Award, and in the same year, Witness for the Prosecution was given an Edgar Award by the MWA, for Best Play.



Edgar Allan Poe (1809 – 1849) was an American poet, short story writer, editor, critic and one of the leaders of the American Romantic Movement. Best known for his tales of the macabre, Poe was one of the early American practitioners of the short story and a progenitor of detective fiction and crime fiction. He is also credited with contributing to the emergent science fiction genre.



Ernest Miller Hemingway(1899 – 1961) was an American novelist, short-story writer, and journalist. His distinctive writing style is characterized by economy and understatement and had a significant influence on the development of twentieth century fiction writing. Hemingway's protagonists are typically stoics, men who must show "grace under pressure." Many of his works are considered classics in the canon of American literature. Hemingway, nicknamed "Papa," was part of the 1920s expatriate community in Paris, as described in his memoir A Moveable Feast, and was known as part of "the Lost Generation," a name he popularized. He led a turbulent social life, was married four times, and allegedly had various romantic relationships during his lifetime. Hemingway received the Pulitzer Prize in 1953 for The Old Man and the Sea. He received the Nobel Prize in Literature in 1954.



Jules Verne (1828 – 1905) was a French author and a pioneer of the science-fiction genre best known for novels such as Twenty Thousand Leagues Under The Sea (1870), Journey To The Center Of The Earth (1864), and Around the World in Eighty Days (1873). Verne was noted for writing about space, air, and underwater travel before air travel and submarines were actually invented, and before practical means of space travel had been devised. He is the third most translated author in the world, according to the Index Translationum statistics. Some of his books have been made into films. Verne, along with Hugo Gernsback and H. G. Wells, is often popularly referred to as the "Father of Science Fiction"

ผลไม้กีวี




กีวี เป็นผลไม้เมืองหนาว มีชื่อสามัญว่า Kiwi fruit และ Chinese gooseberry ภาษจีนเรียกกีวีว่า หมีโหวเถา (mi houtao) ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Actinidia chinensis L. กีวีมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศจีน พบมากแถบลุ่มแม่น้ำฉางเจียง แยงซีเกียง) ในสมัยก่อนกีวีได้รับการยกย่องจากพระมหาจักรพรรดิ ว่าเป็นผลไม้ที่มีรสชาติเป็นเลิศ กีวีเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายนอกประเทศจีนในช่วงปี ค.ศ. 1800-1900 จากนั้นมีคนนำไปปลูกในประเทศนิวซีแลลนด์ ช่วงปี ค.ศ. 1906 และมีการปรับปรุงพันธุ์จนได้ผลกีวีที่มีรสชาติยิ่งขึ้นเมื่อแรกนำผลไม้ชนิดนี้เข้าปลูกในประเทศนิวซีแลนด์ใช้ชื่อเดิมว่า Chinese gooseberry ต่อมานิวซีแลนด์ได้กลายเป็นประเทศผู้ปลูกและส่งออกกีวีรายใหญ่ที่สุดของโลก จึงได้เปลี่ยนชื่อเรียกผลไม้ชนิดนี้เป็น kiwi fruit ตามสัญลักษณ์ของประเทศ ซึ่งก็คือนกกีวีนั่นเอง ในเมืองไทยได้มีการทดลองนำกีวีเข้ามาปลูกในพื้นที่บนดอยอ่างขาง และดอยขุนวาง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

กีวีเป็นไม้ผลัดใบ ประเภทไม้เลื้อย กิ่งและใบมีขนสีน้ำตาลแดงปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงตัวแบบสลับก้านใบยาว ดอกเป็นแบบไม่สมบูรณ์เพค ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียจะอยู่ต่างต้นกัน มีทั้งดอกเดี่ยวและเป็นช่อ กลีบดอกตัวเมียจะอยู่ต่างต้นกัน มีทั้งดอกเดี่ยวและเป็นช่อ กลีบดอกสีขาว ผลกีวีมีรูปทรงไข่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 5 ซม. สีน้ำตาล มีขนเส้นเล็ก ๆ ปกคลุมทั่วผล เนื้อในสีเขียวใส เนื้อหนา ชุ่มน้ำ รสอมเปรี้ยวอมหวาน พันธุ์กีวีที่ได้รับความนิยมมีดังนี้
พันธุ์ Abbott มีรูปร่างกลมรี ขนยาวปกคลุมทั่วผล
พันธุ์ Allison รูปร่างกลมรี คล้ายกับพันธุ์ Abbott แต่มีขนาดใหญ่กว่า
พันธุ์ Bruno ผลใหญ่ ยาวรีกว่าพันธุ์อื่น ๆ ผิวเปลือกสีน้ำตาลเข้ม ขนอ่อนสั้นและเปราะ
พันธุ์ Hayward ผลเป็นรูปไข่ ผิวเปลือกสีน้ำตาลอมเขียวมีขนอ่อนปกคลุมทั่วเปลือก
พันธุ์ Monty เป็นพันธุ์ที่ตรงขั้วผลสอบ ส่วนท้ายผลโค้งมีขนอ่อนปกคลุม ขนาดผลใกล้เคียงกับพันธุ์ Abbott และ Allison
กีวีที่ปลูกบนดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ มี 5 สายพันธุ์ พันธุ์ที่ปลูกเพื่อการค้า ได้แก่ พันธุ์ Bruno และ Hayward ปลูกเพื่อการศึกษา ได้แก่ พันธุ์ Abbott, Monty และ Dexter ให้ผลเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน กีวีเป็นผลไม้ที่สามารถเก็บไว้ได้นานถึงครึ้งปีหรือหนึ่งปี เนื่องจากเปลือกของกีวีมีคุณสมบัติห่อหุ้มเนื้อได้ดี เนื้อกีวีรสหวานอมเปรี้ยว ชุ่มคอ กินเป็นผลไม้สด และนำมาแปรรูปได้หลายอย่าง เช่น กีวีแช่แข็ง กีวีกวน กีวีตากแห้ง กีวีกระป๋องใช้ทำน้ำผลไม้ และไวน์ขาว ผลกีวีสดนิยมนำมาใช้แต่งหน้าเค้กและสลัดให้มีสีสันสวยงาม
นอกจากนี้กีวียังใช้ปรุงอาหารจานเนื้อและเป็นส่วนผสมในการหมักเนื้อได้ด้วย เพราะกีวีมีเอนไซม์ช่วยการย่อยโปรตีน ทำให้เนื้อนุ่มชึ้น
คุณค่าอาหารและสรรพคุณ

กีวี มีสารอาหารหลายชนิด เช่น เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินซี วิตามินอี และมีเส้นใยมาก ให้แคลอรี่ต่ำและไม่มีโคเลสเตอรอล

เจ้าชายแดร็กคิวล่า เจ้าชายวล้าดที่ 3 แห่งโรมาเนีย




ตามตำนานแดร็กคิวลา เจ้าชายที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นผีดูดเลือดมีพระนามว่า เจ้าชายวล้าดที่ 3 หรือที่รู้จักในนาม วล้าด เทเปส (Vlad Tepes) เป็นเจ้าครองแคว้นวาลาเชีย แต่ถือกำเนิดในดินแดนทรานซเวเนีย หรือโรมาเนียในปัจจุบัน

ต้นตระกูลของเจ้าชายวล้าด คือเจ้าชายบาซาราบมหาราช ผู้กอบกู้เอกราชแคว้นวาลาเชียจากฮังการีในปีค.ศ.1310 และปกครองอยู่ช่วงปี 1310-1352 ต่อด้วยเจ้าชายเมียร์ซี ปู่ของเจ้าชายวล้าด ซึ่งนำทัพพ่ายแพ้ในการรบกับฝ่ายเติร์กบ่อยครั้ง จนต้องยอมจำนนอยู่ภายใต้อาณาจักรออตโตมาน

การสืบบัลลังก์ของราชวงศ์วาลาเชียไม่จำเป็นต้องสืบสายเลือดจากพ่อสู่ลูก แต่มาจากการเลือกตั้งโดยเหล่าขุนนางผู้เป็นเจ้าของที่ดินตระกูลต่างๆ ดังนั้น จึงเกิดศึกชิงบัลลังก์และลอบสังหารบ่อยครั้ง ขณะที่ตระกูลบาซาราบนั้นแตกออกเป็นสองสาย คือสายเมียร์ซี และสายแดนเนสติ

ฝ่ายเจ้าชายแดร็กคิวลายึดบัลลังก์ได้ตั้งแต่ช่วงรุ่นพ่อ คือวล้าดที่ 1 ซึ่งเป็นนักรบที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการสู้รบที่ไม่กลัวชนเผ่าเติร์ก จนเหล่าขุนนางตั้งฉายาว่า "ดราคูล" หมายถึง"มังกร" และลูกคนที่ 2 ของวล้าดที่ 1 ได้ฉายาว่า "แดร็กคิวล่า" หมายถึง "บุตรของมังกร" ขณะที่ฝ่ายเยอรมัน แซ็กซอน อีกศัตรูของวล้าด เรียกว่า "บุตรของปีศาจ" สังหารทายาทในอีกสายตระกูลได้สำเร็จและขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าชายวล้าดที่ 2

แดร็กคิวล่าผู้พ่อแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งมอลโดวา มีลูก 3 คน โดยแดร็กคิวล่าน้อยเป็นคนกลาง เกิดเมื่อปีค.ศ.1431 เติบโตมาเป็นนักรบที่เก่งกาจเช่นเดียวกับพ่อ

นับตั้งแต่ปีค.ศ.1444 ที่เติร์กกับฮังการีเปิดศึกรบพุ่งกันอย่างตึงเครียด ตระกูลของแดร็กคิวล่ากลายเป็นหมากของการถ่วงดุลอำนาจ ซึ่งมีแต่เสียเปรียบทุกด้าน ในวัย 13 แดร็กคิวล่าถูกส่งไปอยู่เอเดรียนโนเปิลนาน 4 ปีในฐานะตัวประกัน ท่ามกลางความโหดร้ายของสงครามที่ญาติพี่น้องถูกสังหาร แดร็กคิวล่าสะสมความกลัวและแค้นแปรเป็นความโหดแบบเลือดเย็น

ในปี 1456 หลังจากการชิงบัลลังก์และลอบฆ่ากันพัลวัน แดร็กคิวล่ากลับมาทวงบัลลังก์ได้อีก และครองวาลาเชียในนามวล้าดที่ 3 ตั้งเมืองหลวงชื่อทีร์โกวิสต์ สร้างปราสาทและรูปปั้นของตนเองไว้ในเมือง

นอกจากนโยบายปกครองแบบปิดประเทศ บวกกับรสนิยมส่วนตัวที่ชอบความรุนแรง ทำให้แดร็กคิวล่าบริหารความโหดของตนได้เต็มที่ มีเรื่องเล่าว่าเจ้าชายองค์นี้เชิญขอทาน คนแก่ และคนที่เจ็บป่วยเข้าวังแล้วตั้งคำถามว่า "ท่านอยากเป็นคนที่ถูกละเลยและทอดทิ้งหรือไม่" เมื่อชาวบ้านตอบว่า ไม่ แดร็กคิวล่าจึงเผาคนกลุ่มนี้ให้ตายทั้งเป็น ด้วยเหตุผลว่าจะได้ไม่มีคนจนและคนมีปัญหาในประเทศอีก


ว่ากันว่าในช่วงเวลาที่แดร็กคิวล่าครองเมืองจนถึงปี 1462 สังหารประชาชนที่ไร้ทางสู้ไปราว 40,000-100,000 คน ในจำนวนนี้หลายครั้งที่แดร็กคิวล่านั่งกินข้าวชมการประหารชีวิตแบบโหดๆ อย่างเพลิดเพลิน

ในปี 1476 ระหว่างที่ถูกทัพเติร์กโจมตี แดร็กคิวล่าเสียชีวิตที่บูคาเรสต์ เชื่อว่าผู้สังหารคือคนของแดร็กคิวล่าเอง กษัตริย์ของเติร์กสั่งให้ตัดศีรษะของแดร็กคิวล่าแขวนไว้ที่คอนสแตนติโนเปิล ส่วนร่างแยกไปฝังที่เกาะของตระกูลสนากอฟ ที่แดร็กคิวล่าเคยอุปถัมภ์ แต่ภายหลังที่มีการขุดค้นอุโมงค์ในปี 1931 กลับไม่พบโลงศพของแดร็วคิวล่า จึงทำให้เกิดเรื่องราวเล่าขานที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น

ปริศนาเจ้าหญิงอนาสตาเซีย




ปริศนาเจ้าหญิงอนาสตาเซีย

แกรนด์ ดัชเชส อนาสตาเซีย แห่งรัสเซีย (Grand Duchess Anastasia Nikolaevna of Russia) ทรงเป็นพระราชธิดาลำดับที่4ของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่2และพระนางอเล็กซานดราแห่งราชวงศ์โรมานอฟ (Romanov)แห่งรัสเซีย





พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่2และพระนางอเล็คซานดราทรงมีพระโอรสและพระราชธิดารวมทั้งสิ้น4พระองค์
คือเจ้าหญิงโอลกา เจ้าหญิงมาเรีย เจ้าหญิงทาเทียนา เจ้าหญิงอนาสตาเซียและเจ้าชายอเล็กเซย์

เจ้าหญิงอนาสตาเซีย ถูกสันนิษฐานว่าทรงถูกประหารพร้อมพระบิดา พระมารดาและเชื้อพระวงศ์ เมื่อวันที่ 17กรกฎาคมค.ศ.1918 เมื่อพระนางมีพระชนมายุเพียง17ชันษา โดยกองกำลังตำรวจลับบอลเชวิคแต่ได้มีการเล่าขานว่า เจ้าหญิงอนาสตาเซีย เป็นพระธิดาองค์เดียวที่ทรงรอดมาได้จากการถูกสังหารของกองตำรวจลับ บอลเชวิค เพราะขณะที่ฝ่ายบอลเชวิคยิงประหารพระองค์กระสุนได้กระทบกับเครื่องประดับ ที่เป็นอัญมณีและกระเด้งหายไป แต่พระองค์ก็ทรงแกล้งสิ้นพระชนม์


เรื่องเล่าขานนี้ถือเป็นเรื่องที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ไม่กี่ปีต่อมาหลังจากการประหารได้มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าแกรนด์ดัชเชสองค์เล็ก ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ในที่สุด ใน ค.ศ. 1922 ก็ได้มีสตรีผู้หนึ่งนามว่า แอนนา แอนเดอร์สัน ประกาศตนว่าเป็นอนาสตาเซีย แต่ก็ได้มีการตรวจดีเอ็นเอใน ค.ศ. 1994และผลที่ได้คือ เธอมิใช่อนาสตาเซียตามที่อ้างแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี ผู้สนับสนุนหลายคนปฏิเสธผลการพิสูจน์นี้ อีกผู้หนึ่งที่อ้างว่าตนคืออนาสตาเซีย คือ ยูจิเนีย สมิธ ใน ค.ศ. 1986 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มโต้เถียงเรื่องอนาสตาเซีย แต่คำกล่าวอ้างของเธอไม่สอดคล้องกับความจริง



ใน ค.ศ. 1991ได้มีการค้นพบพระศพ 2 พระศพ พระศพหนึ่งเป็นของ ซาเรวิช อเล็กเซย์ พระโอรสองค์เล็ก และอีกพระศพซึ่งได้รับการยืนยันจากนักวิชาการว่าคือพระศพของ อนาสตาเซีย ทั้ง 2 พระศพมิได้ถูกฝังร่วมกับพระบิดา พระมารดา และพระภคินี แต่ถูกเผาโดยกลุ่มคนที่ไม่ทราบแน่ชัดในป่าข้างๆ สุสาน



ใน ค.ศ. 2000คริสต์จักรนิกายรัสเซียนออร์โธดอกส์ได้ประกาศให้ พระเจ้าซาร์นิโคลัส พระนางอเล็กซานดรา แกรนด์ดัชเชสโอลกา แกรนด์ดัชเชสทาเทียนา แกรนด์ดัชเชสมาเรีย แกรนด์ดัชเชสอนาสตาเซีย และ ซาเรวิช อเล็กเซย์

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

ข้อคิดอะไรดีดี!!~

โลกกลมๆ ใบนี้ ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ
ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก
คุณว่าจริงไหม . . . ?

คนเราต้องเดินหน้า เวลายังเดินหน้าเลย
ไม่ต้องสนใจว่า. . ....แมวจะสีขาวหรือดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ

ในโลกกลม ๆ ใบนี้ไม่มีคำว่าแน่นอน
คนเราเมื่อม้าตาย ก็ต้องลงเดิน
ท้อแท้ได้ แต่อย่าท้อถอย
อิจฉาได้ แต่อย่าริษยา

เหตุผลของคน ๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่ของอีกคนหนึ่ง
ถ้าไม่ลองก้าว จะไม่มีวันรู้ได้เลยว่า ข้างหน้าเป็นอย่างไร
หนทางอันยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกก่อนเสมอ

อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมีความอ่อนโยน
ไม่มีคำว่า บังเอิญในเรื่องของความรัก มีแต่คำว่าตั้งใจ

ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใส
หลังผ่านปัญหาจะรู้ว่า ปัญหานั้นเล็กนิดเดียว
ไม่เป็นขุนนางน่ะได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง เมื่อวานก็สายเกินแก้
พรุ่งนี้ก็สายเกินไป

อย่าหวังว่า . . . จะได้รับความรักจากคนที่คุณรัก
เพราะคนที่คุณรัก ไม่ได้รักคุณหมดทุกคน

เพื่อนทั่วไป . . . ไม่เห็นคุณร้องไห้
เพื่อนแท้ . . . มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาให้
เพื่อนทั่วไป . . . ถือขวดไวน์ติดมือมางานปาร์ตี้ของคุณ
เพื่อนแท้ . . . จะมาแต่หัววันเพื่อช่วยเตรียมงาน
เพื่อนทั่วไป . . . คาดหวังให้คุณอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
เพื่อนแท้ . . . คาดหวังที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป

^^

คำศัพท์น่ารู้!~

too late! สายเกินไป
talenr คนมีพรสวรรค์
pose โพสท่า
sexy moves ท่าทางเซ็กซี่
stay still อยู่เฉย ๆ
grin ฉีกยิ้ม
make-up artist ช่างแต่งหน้า
hairdresser ช่างทำผม
stylist สไตลิสต์
responsibility ความรับผิดชอบ
stinky กลิ่นเหม็น
spicy papaya salad ส้มตำ
grilled chicken ไก่ย่าง
sticky rice ข้าวเหนียว
spicy pock salad น้ำตกหมู
spicy bamboo shoot salad ซุปหน่อไม้
smells good กลิ่นหอม
bowl ถ้วยชาม
throw up อาเจียน
exprie หมดอายุ
whisper ซุบซิบ
white lie การโกหกเพื่อรักษาน้ำใจ
frank ตรงไปตรงมา
straightforward ตรงไปตรงมา
stomachache ปวดท้อง
ham and cheese sandwich แซนด์วิชแฮมและเนยแข็ง
roast beef sandwich แซนด์วิชเนื้อย่าง
corned beef sandwich แซนด์วิชเนื้อแช่เกลือ
BLT/bacon,lettuce, แซนด์วิชเบคอน,ผักกาดหอม
white bread ขนมปังขาว
rye bread ขนมปังข้าวไรย์
whole wheat bread ขนมปังโฮลวีต
pumpernickel ขนมปังเปรี้ยว
pita bread ขนมปังปิตา
a roll ขนมปังก้อนกลมเล็ก
a submarine rol ขนมปังรูปเรือดำน้ำ
cloudy มีเมฆครื้ม
rainy season หน้าฝน
raincoat เสื้อกันฝน
umbrella ร่ม
flooded น้ำท่วม
stressed out เครียด
supermodel นางแบบ
wrap ห่อ
TV commercial โฆษณาโทรทัศน์
assistant director ผู้ช่วยผู้กำกับ
internship ฝึกงาน
stan-in ตัวแสดงแทน
example ตัวอย่าง
set ฉาก,กองถ่าย

เค้กแปลกๆ!!

คุณเคยเห็นเค้กแบบนี้หรือไม่ ??










































ครูเปรียบเสือม "เรือจ้าง" จริงเหรอ?

“ครู” เป็นอาชีพที่คอยให้ความรู้กับลูกศิษย์ โดยที่ท่านไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน และในวันเสาร์ที่ 16 มกราคมนี้ ถือว่าเป็น “วันครูแห่งชาติ” ดังนั้นในวันนี้ำพี่ปัดจึงขอเปรียบเทียบหน้าที่ของครูกับเรือ เพื่อให้เข้ากับประโยคที่ว่า “ครูเปรียบเสมือนเรือจ้าง” งั้นอย่ารอช้าไปเริ่มต้นกันที่....






เข็มทิศ >> เรือทุกลำล้วนแล้วแต่ต้องมีเข็มทิศประจำเรือ เพื่อจะได้รู้ทิศรู้ทางที่กำลังจะแล่นไป เปรียบเสมือนครู ที่จะต้องวางแผนการเรียนการสอนวิชาต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับลูกศิษย์ นอกจากนี้ ครูยังเป็นผู้คอยสรรหาสิ่งดี และเป็นประโยชน์มาให้กับลูกศิษย์อยู่เสมอ


ฝีพาย >> เมื่อมีการวางแผนการเรียนการสอนเป็นที่เรียบร้อย ครูก็จะนำความรู้ และประสบการณ์ต่างๆ ที่ตัวเองสั่งสมมานาน นำมาสั่งสอนลูกศิษย์ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้นำความรู้เหล่านั้นไปเป็นพื้นฐานความรู้ในการดำรงชีวิต และเป็นแนวทางสำหรับหนทางการมุ่งสู่ความสำเร็จในอนาคต


กัปตันเรือ >> การอยู่ร่วมกันของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือโรงเรียนต่างจำเป็นต้องมีข้อกำหนดกฏเกณฑ์ขึ้นมา เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีความสุข สำหรับในโรงเรียนนั้น ครูก็จะเป็นผู้ที่คอยตรวจดูความเรียบร้อยต่างๆ คอยอบรม ตักเตือนในยามที่ลูกศิษย์อาจจะทำผิดโดยไม่รู้ตัว คอยเป็นกำลังใจเมื่อเราท้อถอย และเป็นแรงผลักดันเพื่อให้เราประสบความสำเร็จ


หางเสือ >> เป็นกลไกในการขับเคลื่อนของเรือ เปรียบได้กับคุณครู ที่จะคอยเป็นแรงผลักดัน และกระตุ้นให้ลูกศิษย์ตื่นตัว และสนใจอยากที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่เสมอ ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณครูทำลงไป ไม่ว่าจะดุ จะเคี่ยวเข็ญสักเพียงไหน นั่นก็เป็นเพราะอยากให้ลูกศิษย์ของท่านรู้จักรับผิดชอบ และมีทางที่เดินที่ดีในภายภาคหน้า

ดอกดาหลา ^^

ดาหลาเป็นพันธุ์ไม้ป่า กระกูลเดียวกับข่า กระทือ ปุด มีกอขนาดใหญ่ (7-10 ต้น)ขึ้นได้ดีในที่ที่มีอากาศชื้น แถวป่าบาลาฮาลา (ยะลา)และเชิงเขาในภาคใต้……เป็นสีสรรค์แห่งป่า ดอกมีหลายสีเช่น สีแดง สีชมพู และสีขาว ก้านดอกยาว 30-150 ซม.ดอกดาหลาเป็นดอกเดี่ยว ประกอบด้วยกลีบดอก 2 ขนาด ส่วนด้านล่างประกอบด้วยกลีบดอกขนาดใหญ่และมีกลีบดอกขนาดเล็กอยู่ด้านบน ชาวบ้านนำดอกดาหลามาหั่นเป็นฝอยใช้เป็นส่วนประกอบของข้าวยำ บ้างก็เอาผลสุกมาแกงส้มรสชาด ..อร่อยนักแล ปัจจุบันปลูกเป็นไม้ตัดดอก ปลูกได้ทั่วไป





ดอกดาหลา สีสรรค์แห่งป่า





ดาหลาเป็นพันธุ์ไม้ป่า กระกูลเดียวกับข่า กระทือ ปุด





ดาหลาเป็นพันธุ์ไม้ป่า กระกูลเดียวกับข่า กระทือ ปุด




ดาหลาเป็นพันธุ์ไม้ป่า กระกูลเดียวกับข่า กระทือ ปุด



ดอกดาหลา สีสรรค์แห่งป่า ดอกมีหลายสีเช่น สีแดง สีชมพู และสีขาว





ดอกดาหลา สีสรรค์แห่งป่า ดอกมีหลายสีเช่น สีแดง สีชมพู และสีขาว