วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ตำนาน เฮอร์คิวลิส วีรบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในเทวตำนานกรีก( Berserker )
เฮอร์คิวลิส
ชื่อคลาส : เบอร์เซิร์คเกอร์ (Berseker)
ชื่อจริง : เฮอร์คิวลิส (Hercules อ่านแบบภาษาละติน) หรือ เฮอราเคลส (Herakles , Heracles อ่านแบบภาษากรีก)
ฉายา : วีรบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในเทวตำนานกรีก
ที่มา : เทวตำนานกรีก
ตำนาน : เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นที่เทพซุส (Zeus) ซึ่งมักจะไปมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ธรรมดาจำนวนมาก โดยครั้งหนึ่งเทพซุสได้ไปมีสัมพันธ์กับหญิงสาวนางหนึ่งที่ชื่อว่าอัลค์เมนี (Alcmene) โดยซุสได้ปลอมตัวเป็นสามีของหล่อนและมีความสัมพันธ์กับหล่อน ก่อนที่ตัวจริงจะกลับมาถึงในคืนนั้นเช่นกัน และด้วยเหตุนี้นี่เองนางอัลค์เมเน่จึงให้กำเนิดลูกฝาแฝดสองคนในภายหลัง คนหนึ่งนั้นถูกตั้งชื่อว่า Iphicles และเป็นมนุษย์ธรรมดา ส่วนอีกคนนั้นถูกตั้งชื่อที่มีความหมายว่า "เกียรติยศแห่งเทพเฮร่า (Hera)" แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงนั้นเทพเฮร่าจงเกลียดจงชังเด็กคนนี้อย่างมาก เพราะเด็กคนนั้นคือเด็กที่ซุสให้กำเนิดขึ้นมาครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพ เฮอร์คิวลิส
เมื่อเฮอร์คิวลิสเกิดมาได้ไม่ได้นานนักเฮร่าก็ส่งงูพิษสองตัวเข้าไปยังเปลนอนของเฮอร์คิวลิส หมายจะฆ่าลูกของชู้รักให้ตาย แต่ผลออกมาตรงกันข้ามเมื่อเด็กน้อยนั้นได้บีบงูพิษทั้งสองตัวอยู่ในมือแต่ละข้าง และเหวี่ยงร่างกายอันไร้ชีวิตนั้นราวกับมันเป็นของเล่นเด็ก จากจุดนี้ทำให้ทุกคน ณ ที่แห่งนั้นทราบทันทีว่าเด็กน้อยคนนี้ จะเติบโตไปเป็นคนสำคัญเป็นแน่
เมื่อเติบโตขึ้นมาเฮอร์คิวลิสเองก็ได้รับการศึกษาตามค่านิยมของคนสมัยนั้น แน่นอนว่าวิชาที่เขาถนัดนั้นก็คือวิชาเกี่ยวกับการต่อสู้ทั้งหลายนั่นเอง และฝีมือของเขาก็เริ่มเป็นที่รู้จักกันเมื่อเขาฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่า และได้ยกทัพไปจัดการกับกองทัพ Minyan และจากการเอาชนะข้าศึกได้ กษัตริย์แห่งเมืองธีเบส จึงได้ยกลูกสาว เมการ่า (Megara) ให้เป็นคู่ครอง ซึ่งทั้งคู่ก็ครองรักกันและมีลูกด้วยกันสามคน
ดูเหมือนว่าทุกคนจะยินดีกับการแต่งงานและการป้องกันเอกราชของเฮอร์คิวลิส เว้นแต่เพียงเทพีเฮร่าที่ยังคงแค้นเคืองเขาและได้ทำการส่งความบ้าคลั่งให้ไปเข้าสิงเฮอร์คิวลิส ผลก็คือเขาได้ทำการฆ่าทั้งภรรยาและลูกๆของเขา หลังจากได้สติ(บางตำนานว่าเขาได้สติเอง แต่บางเจ้าก็ว่าเทพีอาเธน่าเป็นคนปาหินใส่เขาจนได้สติ) เฮอร์คิวลิสก็ตกอยู่ในความเศร้าระทมอย่างมากและเกือบจะได้ทำการฆ่าตัวตายไป แต่ด้วยการห้ามปรามของเพื่อนของเขา(ซึ่งแต่ละตำราก็ว่ากันไปคนละคนละนะครับ) แต่เขาก็ยังทนอยู่ในเมืองธีเบสต่อไม่ได้และได้เนรเทศตัวเอง ก่อนที่จะออกเดินทางไปเจอกับ Oracle ผู้ทำนายที่เป็นตัวกลางระหว่างมนุษย์กับเทพ โดย Oracle ได้แนะนำเขาให้ไปรับใช้กับกษัตริย์ที่ชื่อ ยูริสเทียส (Eurystheus) ผู้ซึ่งเป็นญาติห่างๆของเฮอร์คิวลิส และเป็นผู้มีจิตใจหยาบช้า โดยเขาได้สั่งให้เฮอร์คิวลิสที่มาถวายตัวรับใช้ให้ไปทำงาน 10 อย่าง แต่ยูริสเทียสนั้นได้บังคับให้เขาทำงานทั้งหมดสิบสองอย่างแทน(ส่วนนึงเพราะเทพีเฮร่าคอยยุยงให้ยูริสเทียสด้วยนั่นเอง งานที่มอบไปนั้นจึงเหมือนกับการส่งให้ไปตายทั้งสิ้น) โดยงานทั้งสิบสองอย่างนี้จะถูกเรียกว่า แรงงานทั้ง 12 ของเฮอร์คิวลิส (The Twelve Labours of Hercules) โดยมีรายชื่องานดังต่อไปนี้
1. การล่าสิงโตเมืองนีเมีย (The Nemean Lion)
เป็นงานแรกของเฮอร์คิวลิสซึ่ง ยูริสเทียส สั่งให้เขาไปนำหนังสิงโตจากเมืองเนเมีย ซึ่งสิงโตที่นั่นก็แข็งแกร่งจนอาวุธทำอะไรไม่ได้ เฮอร์คิวลิสจึงต้องทำการฆ่าสิงโตด้วยมือเปล่า สุดท้ายเขาก็สามารถนำหนังสิงโตกลับไปให้ยูริสเทียสได้สำเร็จ แต่ยูริสเทียสนั้นไม่รับไว้เนื่องจากหวาดกลัวความสามารถของเฮอร์คิวลิส จึงเป็นต้นเหตุทีทำให้รูปปั้นส่วนใหญ่ของเฮอร์คิวลิสนั้นคลุมหนังสิงโตอยู่เสมอนั่นเอง
2. การปราบ Hydra (The Lernean Hydra)
งานชิ้นที่สองของเฮอร์คิวลิส โดยเขาได้รับคำสั่งให้ไปจัดการงูหลายหัว ไฮดรา ที่หนองน้ำเลอร์นา(Lerna)ซึ่งอยู่ใกล้ๆแถวนั้น เนื่องจากมันมักจะออกมาทำร้ายคนอื่นเสมอ งานนี้เฮอร์คิวลิส มีผู้ช่วยชื่อไอโอลอส (Iolaus และเขาไม่ได้ใส่เกราะโกลด์เซนต์นะครับ) ซึ่งงูไฮดร้านนี้แท้จริงแล้วเป็นอมตะอยู่หนึ่งหัวและสามารถงอกหัวใหม่มาได้เรื่อยๆ เฮอร์คิวลิสจึงทำการจัดการหัวที่ไม่ได้เป็นอมตะและมีไอโอลอสคอยไล่จุดไฟใส่หัวไม่อมตะพวกนั้นเพื่อไม่ให้มันงอกขึ้นมาได้ใหม่ และหัวสุดท้ายที่เป็นอมตะนั้นเฮอร์คิวลิสได้ฝังมันไว้ใต้หินใหญ่ข้างถนน ระหว่างเมืองอีเลอุส (Elaeus) กับเมืองเลอนา ทว่าเมื่อเฮอร์คิวลิสกลับไปรายงานยูริสทีส เขาก็เจอยูริสทีสปฏิเสธที่จะรับงานนี้เป็นหนึ่งในงานสิบอย่างที่ Oracle กำหนดไว้เนื่องจากงานนี้มีไอโอลอสเป็นผู้ช่วยนั่นเอง
3. การพากวางแดง (The Hind of Ceryneia)
งานที่สามของเฮอร์คิวลิสนั้นเป็นเหมือนงานที่ไม่ยากอะไรนักกับชายที่กำหราบสิงโตได้แต่ทว่ากวางตัวที่เขาต้องไปล่านั้นเป็นกวางวิเศษ ณ เมืองเซริเนีย อีกทั้งกวางตัวนี้ยังเป็นกวางวิเศษของเทวีแห่งดวงจันทร์ อาร์เทมิส (Artemis) ด้วยเหตุนี้เขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะฆ่ากวางตัวนี้ นอกจากนั้นแล้วกวางตัวนี้ยังมีความไวสูงจนธนูไม่สามารถต้องตัวของมันได้อีกด้วย เหตุนนี้เองเฮอร์คิวลิสจึงพยายามไล่ล่ามันอยู่หนึ่งปี จนกระทั่งกวางตัวนั้นเหนื่อยอ่อน เฮอร์คิวลิสจึงสามารถจับมันได้ในที่สุด แต่เมื่อเขาจับกวางได้แล้วเขาก็ได้พบกับ อาร์เทมิส ซึ่งมาพร้อมกับ เทพอพอลโล (Apollo) เฮอร์คิวลิสอธิบายเหตุผลที่เขาต้องทำแบบนี้ให้เทพทั้งสองฟัง อาร์เทมิส จึงยินยอมให้เขายืมกวางไป และเมื่อเฮอร์คิวลิสได้มอบกวางให้ยูริสเทียสนั้นเขาก็เจตนาปล่อยกวางให้ห่างจากตัวยูริสเทียสทำให้กวางวิเศษสามารถวิ่งหนีกลับไปหาอาร์เทมิสได้
4. การพาหมูป่ากลับมาเป็นๆ (The Erymanthian Boar)
หลังจากที่ยูริสเทียสล้มเหลวที่จะจัดการเฮอร์คิวลิสด้วยสามงานแรกแล้ว เขาก็มอบงานต่อไปนั่นก็คือการไปจับหมูป่าที่ทำร้ายคนอยู่บริเวณเขาอีรีแมนทัส โดยงานนี้เฮอร์คิวลิสได้ไปขอคำปรึกษาจาก Centaur สองตนนั่นคือ Chiron กับ Pholus ซึ่งคำปรึกษาที่เขาได้รับมาก็คือการไล่หมูป่าตัวนั้นให้เข้าไปยังบริเวณที่มีหิมะปกคลุมก่อนที่จะจับมันซะ ซึ่งเฮอร์คิวลิสก็ได้ตะโกนไล่หมูป่าจนมันติดกับตามแผน สุดท้ายเขาก็พามันกลับไปให้ยูริสเทียสได้สำเร็จ แต่ยูริสเทียสก็เกิดอาการหวาดกลัวมากทั้งสัตว์ร้ายและคนที่กำหรายมันได้จนถึงขนาดที่เขาต้องหลบไปอยู่ในตุ่มใบหนึ่งทีเดียว
5. การทำความสะอาดคอกปศุสัตวเมือง Augeas (The Augean Stables clean up)
เมื่อยูริสเทียสล้มเหลวในการเอาชีวิตของเฮอร์คิวลิสมาถึงสี่ครั้ง งานครั้งที่ห้านี้จึงหมายที่จะทำลายศักดิ์ศรีของเฮอร์คิวลิสแทนโดยการให้เขาไปทำความสะอาดคอกปศุสัตว์ของเมือง Augeas ซึ่งจริงๆแล้วเป็นคอกปศุสัตว์ที่เทพประธานมาให้จึงมีความกว้างใหญ่ไพศาลและจำนวนสัตว์มากมาย แต่เฮอร์คิวลิสกก็ได้ไปตกลงกับกษัตริย์ของเมืองนี้ว่าถ้าหากเขาสามารถทำความสะอาดได้ภายในวันเดียว เขาจะขอปศุสัตว์จำนวนหนึ่งในสิบ ของกษัตริย์เป็นรางวัลตอบแทน ซึ่งกษัตริย์ก็ตกลงเพราะเขาไม่คิดว่าเฮอร์คิวลิสจะทำได้ แต่เฮอร์คิวลิสก็ทำได้โดยการทำทางเชื่อมน้ำระหว่างแม่น้ำสองเส้น จนทำให้น้ำนั้นล้างคอกปศุสัตว์จนเรียบร้อย เขาจึงไปทวงถามถึงรางวัลที่เขาควรได้รับแต่กษัตริย์แห่ง Augeus ก็ได้ปฏิเสธเมื่อทราบว่าเฮอร์คิวลิสเป็นของยูริสเทียส จนกระทั่งต้องมีเรื่องขึ้นศาลกันในที่สุดซึ่งผลปรากฏว่าเฮอร์คิวลิสชนะคดีไป แต่เมื่อชนะความมาแล้วเขาก็ไม่ได้รับรางวัลจากกษัตริย์แห่ง Augeus เนื่องจากกษัตริย์แห่ง Augeus ไล่ให้เฮอร์คิวลิสออกจากเมืองของตนหลังแพ้คดี (ชนะศาลแต่ไม่มีสิทธิ์อยู่ในเมืองก็เลยชวดของรางวัลไปอะไรแบบนั้นล่ะครับ) และยูริสเทียสก็ไม่นับให้งานนี้เป็นหนึ่งในงานสิบอย่างที่ Oracle กำหนดไว้ด้วยเหตุผลที่ว่าเฮอร์คิวลิสร้องขอของรางวัลจากกษัตริย์ Augeus แล้ว
6. การขับไล่นกที่เมือง Stymphalos (The Stymphalian Birds)
แม้ว่าจะฝ่าฟันงานอันตรายมาแล้วห้างานแต่ยูริสเทียสก็ยังคงสั่งการให้เฮอร์คิวลิสไปทำงานที่ยากยิ่งอีกชิ้นหนึ่งนั่นก็คือการให้เฮอร์คิวลิสไปขับไล่ฝูงนกดุร้ายจำนวนมหาศาลที่เมืองสติมฟาลอสที่คอยทำลายพืชผลแถบนั้น(แต่บางตำราก็เชื่อว่านกพวกนี้กินคนด้วย) ด้วยจำนวนอันมหาศาลของมันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะขับไล่พวกมันออกไปได้ด้วยตัวคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนี เทพีอาเทน่า (Athena) จึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเฮอร์คิวลิสโดยนางได้มอบ Krotala (เครื่องดนตรีโลหะที่ทำหน้าทีให้จังหวะคล้ายฉิ่งหรือกรับ)ที่สร้างขึ้นโดย เทพเฮฟาเอสตัส(Hephaestus)เทพแห่งการตีเหล็ก จากนั้นเฮอร์คิวลิสก็ทำการตี Krotala นี้จนเกิดเสียงดังก้องทำให้นกพวกนี้ต้องบินออกมา ในจังหวะนั้นเองเฮอร์คิวลิสก็ระดมยิงธนู(บ้างก็ว่ายิงหินใส่)จนนกเหล่านั้นล้มตายลง และตัวที่รอดชีวิตก็ไม่เคยกลับมาแผ่นดินกรีซอีกเลย
7. การปราบวัวกระทิงเมือง Crete (The Cretan Bull)
สำหรับภารกิจนี้เหมือนเป็นงานเบาๆสำหรับเฮอร์คิวลิสครับเพราะเขาเพียงแค่ไปจัดการปล้ำวัวที่อาละวาดในเมือง เครเต้ (Crete) ตามคำขอของกษัตริย์ ไมนอส (Minos) ซึ่งงานนี้ก็จบลงอย่างรวดเร็วเพราะเฮอร์คิวลิสสามารถเอาชนะวัวได้ในเวลาไม่นานและเมื่อเขานำวัวนี้กลับไปให้ยูริสเทียส ยูริสเทียสก็สั่งให้เขาปล่อยวัวนี้ไป(เพราะมันดุและอาละวาดหนักเกินกว่าคนธรรมดาจะรับมือไหว) สิ่งพิเศษสำหรับภารกิจนี้อยู่ที่ตัวของ "วัว" ครับ เพราะมันเป็นวัวของเทพโปเซดอนและเป็น "พ่อ" ของตัวประหลาดที่มีร่างเป็นคนแต่หัวเป็นวัวอย่าง มิโนทอร์(Minotaur) ด้วยครับ
8. การพาม้ากินคนของ Diomedes กลับมา (The Man-Eating Horses of Diomedes)
เมื่อจบงานวัวกระทิง ยูริสเทียสก็ส่ง Herakles ให้ไปพาเอาม้ากินคนของไดโอมิดิส (Diomedes กษัตริย์ชนเผ่า Bistones) กลับมาที่มีเซเนีย นักเขียนหลายคนที่เล่าถึงเรื่องนี้แตกต่างกันออกไปอะพอลโลโดรุส (Apollodorus) เล่าว่า Herakles ไปกลับกลุ่มชายหนุ่มอาสาสมัคร เมื่อเอาชนะบรรดาคนดูแลม้า และบังคับม้าไปถึงทะเล ไดโอมิดิสก็พาบรรดาทหารตามมาทัน Herakles ก็ปล่อยให้เด็กหนุ่มชื่อ Abderos ดูแลม้า ในขณะที่ Herakles ไปต่อสู้กับทหาร ซึ่งม้าฝูงนี้ มีกำลังเป็นต่อหนุ่มน้อยผู้เคราะห์ร้าย เมื่อฝูงม้าทำร้ายชายหนุ่มแล้วก็ลาก Aberos ไปรอบ ๆ จนกระทั่งชายหนุ่มเสียชีวิต เมื่อ Herakles เอาชนะชาว Bistones และฆ่าไดโอมิดิสได้ ก็ตั้งเมืองชื่อ Abdera เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่ Abderos
ส่วน ยูริพิดิส (Euripides) กวีอีกคนหนึ่งเล่าว่า Herakles ได้ทำงานนี้โดยลำพัง ม้ากินคนพวกนี้ เป็นม้าเทียมรถของไดโอมิดิส และ Herakles ได้จับม้าเหล่านี้ ลากรถกลับมามีเซเนีย หลังจากที่ภาระกิจเสร็จสิ้น ยูริสเทียสก็ปล่อยม้าเป็นอิสระ บรรดาม้าก็พเนจรไปเรื่อย จนกระทั่งถึงเขาโอลิมปุส ที่สถิตย์ของทวยเทพ และถูกสัตว์ร้ายในบริเวณนั้นจับกินเป็นอาหารจนหมด
9. การนำเอาเข็มขัดของ Hippolyte มา (Hippolyte's Belt)
หลังจากงานง่ายๆและงานเร้าใจได้ผ่านไป ยูริสเทียสก็พยายามที่จะหางานโหดหิดมาให้เฮอร์คิวลิสอีกครั้งโดยครั้งนี้ยูริสเทียสสั่งให้เฮอร์คิวเลียสไปนำเข็มขัดของ ฮิปโพลิที(Hippolyte)ยอดนักรบแห่งเผ่าอเมซอน(เผ่านักรบหญิงล้วน)ซึ่งจรีงๆแล้วเข็มขัดนี้ก็เป็นของที่หล่อนได้รับมาจากอาเรส(Ares)เทพแห่งการรบซึ่งเป็นบิดา ยูริสเทียสต้องการให้เฮอร์คิวลิสนำเข็มขัดเส้นนั้นมาเป็นของกำนัลให้กับลูกสาวของยูริสเทียสเอง งานนี้เหมือนจะง่ายดายในทีแรกเมื่อฮิปโพลิทีต้อนรับเฮอร์คิวลิสและรับปากว่าจะมอบเข็มขัดนี้ให้แก่เขา แต่สุดท้ายเรื่องราวกก็วุ่นวายด้วยฝีมือของเทพีเฮร่าที่ปลอมตัวมายุยงคนในเผ่าว่าเฮอร์คิวลิสนั้นจะมาฆ่าหัวหน้าเผ่า จนทำให้ทั้งเผ่าหันอาวุธใส่เฮอร์คิวลิส เหตุนี้เองเฮอร์คิวลิสจึงได้ฆ่าฮิปโพลิทีและชิงเข็มขัดของเธอมา(แต่บางตำราก็ว่า เฮอร์คิวลิสไม่ได้ฆ่าเธอ เขาเพียงป้องกันตัวก่อนที่จะจับฮิปโพลิทีข่มขืนและจากนั้นทั้งเผ่าก็ยอมสยบต่อสามีคนใหม่ของหัวหน้าเผ่า) จากนั้นเขาจึงเอาเข็มขัดกลับไปมอบให้ยูริสเทียส
10. การปล้นคอกปศุสัตว์ของ Geryon (The Cattle of Geryon)
งานชิ้นที่สิบนี้เป็นงานที่ใช้เวลายาวนานสำหรับเฮอร์คิวลิสโดยเขาต้องบุกไปขโมยฝูงสัตว์ในคอกปศุสัตว์ของ Geryon นักรบที่เป็นบุตรของยักษ์ผู้มี สามหัว และ สามลำตัวเชื่อมติดอยู่กับขาเพียงคู่เดียว เมื่อเฮอร์คิวลิสเดินทางไปถึงเอริเธีย (Erytheia) เขาก็ได้พบกับ Orthus สุนัขสองหัวที่เป็นน้องของ สุนัขสามหัวที่เฝ้าประตูนรก Cerberus ซึ่งเฮอร์คิวลิสก็จัดการกับหมาน้อย(?)สองหัวได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะจัดการคนเฝ้ายาม Eurythion อย่างรวดเร็วเช่นกัน จากนั้นเฮอร์คิวลิสก็ได้ปะทะกับ Geryon และยิง Geryon ตายด้วยธนูในที่สุด
ถึงแม้จะดูเหมือนว่างานหนักได้ผ่านไปแล้วแต่ส่วนยากของงานนั้นเพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อเฮอร์คิวลิสต้องนำสัตว์ทั้งหมดนั้นกลับไปมอบให้ยูริสเทียส ระหว่างทางนั้นมีเฮอร์คิวลิสโดน Cacus สัตว์ประหลายที่เป็นบุตรของ Hephaestus ขโมยวัวไปซึ่งเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจาก Caca ในการบอกที่ซ่อนของ Cacus แล้วเขาก็สังหาร Cacus พร้อมกับนำวัวเดินทางต่อ อีกพักหนึ่งวัวตัวหนึ่งก็กระโดดลงน้ำและหนีไปทางเกาะซิซิลีของอิตาลีในบัจจุบัน เนื่องจากว่าวัวในภาษากรีกนั้นเรียกว่า "Italus" ดินแดนแห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า "Italy" จากนั้นแล้วเทพีเฮร่าก็ได้ส่งเหลือบเข้ามากวนวัวทำให้วัวแตกตื่นและกระจัดกระจายกันไป ทำให้เฮอร์คิวลิสต้องเสียเวลาไปรวบรวมวัวอีกครั้งก่อนที่จะเผชิญกับสัตว์ประหลาดอีกตนหนึ่ง ก่อนที่จะส่งมอบวัวเหล่านี้ให้ยูริสเทียสไปบูชายัญให้กับเทพีเฮร่า
11. การนำเอาแอปเปิลของ Hesperides (The Apples of the Hesperides)
หลังจากผ่านงานที่ใช้เวลายาวนานไปอีกหนึ่งชิ้น ยูริสเทียสก็สั่งการให้เฮอร์คิวลิสไปนำแอปเปิ้ลทอง ซึ่งเป็นแอปเปิ้ลที่เทพแห่งผืนปฐพีไกอา (Gaia) มอบให้เป็นของขวัญแต่งงานเมื่อครั้งที่เทพีเฮร่าได้แต่งงานกับมหาเทพ ซุส(Zeus) ซึ่งต้นแอปเปิ้ลนี้ถูกคุ้มกันโดยมังกรร้อยหัว Ladon และยังมีนางไม้ Hesperides ดูแลอยู่อีกด้วย และด้วยความที่เฮอร์คิวลิสไม่ทราบว่าต้นแอปเปิ้ลนี้ตั้งอยู่ที่ใด เขาจึงออกเดินทางไปทั่วจนกระทั่งเขาได้ข้อมูลของสวนจากการเอาชนะเทพแห่งทะเลผู้ถนัดการเปลี่ยนร่าง เนริอุส (Nereus) ก่อนที่จะได้ปลดปล่อยโปรมิเธียส (Prometheus) ซึ่งโดนกักขังอยู่ โดยโปรมิเธียสได้ให้คำแนะนำกับเฮอร์คิวลิสว่าเขาไม่จำเป็นต้องไปแย่งแอปเปิ้ลมาด้วยตัวเองแต่เขาสามารถขอให้ ยักษ์ไททัน (Titan)ที่มีชื่อว่า แอตลาส(Atlas) ซึ่งทำหน้าที่แบกโลกและท้องฟ้าเป็นคนไปขอแอปเปิ้ลนี้มาได้เนื่องจากว่า แอทลาสเป็นพ่อของ Hesperides
เฮอร์คิวลิสที่ได้รับฟังดังนั้นก็รีบไปหาแอตลาสแล้วก็ตกลงว่าเขาจะแบกโลกให้ระหว่างที่แอตลาสไปขอแอปเปิ้ลทองมาจากลูกสาวของตน หลังจากที่แอตลาสได้แอปเปิ้ลมาเรียบร้อยแล้วเขาก็กลับไปหา แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะกลับไปแบกโลกไว้อีกแล้วแอตลาสจึงบอกกับเฮอร์คิวลิสว่าเขาจะนำแอปเปิ้ลไปให้ยูริสเทียสเอง แต่ก่อนที่แอตลาสจะได้ทำตามใจหวังเฮอร์คิวลิสก็ออกอุบายว่าเขาอยากหาอะไรมารองไหล่สักหน่อยแอตลาสจึงวางแอปเปิ้ลและรับโลกจากเฮอร์คิวลิสและในจังหวะนั้นเองเฮอร์คิวลิสก็คว้าแอปเปิ้ลทองแล้วก็รีบวิ่งเอาแอปเปิ้ลไปมอบให้ยูริสเทียสทันที
แม้ว่ายูริสเทียสจะได้แอปเปิ้ลนี้มาจากเฮอร์คิวลิส แต่เนื่องจากมันเป็นผลไม้ของเหล่าทวยเทพ(และอาจจะเป็นชะตากรรมที่ยูริสเทียสแทบจะไม่ได้ครอบครองอะไรที่เฮอร์คิวลิสเอามาให้เลย) ยูริสเทียสก็ต้องมอบมันคืนให้กับเทพีอาเธน่าก่อนที่เทพีจะนำผลไม้ไปคืนสู่ที่ๆมันควรจะอยู่
12. การพาเอา Ceberus กลับมาเป็น ๆ (Ceberus)
และนี่เป็นภารกิจสุดท้ายของเฮอร์คิวลิส โดยครั้งนี้เขาจะต้องทำในสิ่งที่ไม่มีผู้ใดทำได้มาก่อน นั่นคือการนำสุนัขเฝ้าประตูนรก เซอร์เบรัส (Cerberus)ขึ้นมาให้ยูริสเทียส เฮอร์คิวลิสได้เดินทางไปเมือง Eleusis และเข้าร่วมกับกลุ่ม Eleusinian จนสุดท้ายเขาก็ได้รับรู้วิธีการเข้า-ออกดินแดนแห่งความตายจากนักบวชในกลุ่ม แล้วเขาก็เดินทางไปสู่ Taeranum และสามารถลงไปยังดินแดนแห่งความตายโดยที่ตนเองยังไม่ตายได้สำเร็จ จากนั้นเฮอร์คิวลิสก็ประสบกับเรื่องต่างๆอีกมากมายทั้งเจอกับผี , ช่วยวีรบุรุษ , เล่นมวยปล้ำกับเหล่าผู้คุมแดนแห่งความตาย ฯลฯ จนสุดท้ายเขาก็ได้พบกับเซอร์เบรัส
สำหรับการพาตัวเซอร์เบรัสกลับมาบนโลกนั้นก็มีกล่าวกันไปแล้วแต่ผู้เล่าตัวอย่างเช่น ตำนานหนึ่งกล่าวว่าเฮอร์คิวลิสได้ปล้ำเซอร์เบรัสจนสามารถลากมันกลับมาบนโลกได้ อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่าเฮอร์คิวลิสได้ร้องขอเฮเดส(Hades)ผู้ครองดินแดนความตาย เฮเดสจึงบอกให้เขานำเซอร์เบรัสกลับไปได้เพียงแต่ห้ามให้มันต้องแผลจากอาวุธใดๆทำให้เฮอร์คิวลัสต้องกอดรัดเซเบรัสไว้แล้วปล่อยให้หางที่เป็นงูนั้นเข้ามากัดตัวของตัวเองจนกระทั่งเฮอร์คิวลิสนำมันไปให้ยูริสเทียส อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่าเซอร์เบรัสที่เห็นเฮอร์คิวลิสนั้นได้ตามเฮอร์คิวลิสกลับไปบนโลกอย่างโดยดี
ไม่ว่าเฮอร์คิวลิสจะนำพามันมาด้วยวิธีใดก็ตามสุดท้ายเฮอร์คิวลิสก็นำสุนัขเฝ้าประตูนรกนี้ไปให้ยูริสเทียสได้ และเป็นอีกครั้งที่ยูริสเทียสกระโดดหลบหลงไปในไหแถวนั้นด้วยความกลัว และนี่ก็เป็นจุดสิ้นสุดของภารกิจทั้งสิบสองของเฮอร์คิวลิส
ในบั้นปลายชีวิตเฮอร์คิวลิสได้แต่งงานอีกครั้งกับ Deianira ซึ่งหล่อนนั้นได้โดนหลอกล่อให้เอาเลือดของเซนทอร์(คนครึ่งม้า)ตัวหนึ่งไปป้ายเสื้อของเฮอร์คิวลิสเพื่อที่จะทำให้เขารักเขาหลง แต่จริงๆแล้วเลือดของเซนทอร์ตัวนั้นมีพิษอยู่จึงทำให้ผิวของเฮอร์คิวลิสนั้นได้รับแผลราวกับถูกไฟเผาตลอดเวลา เขาจึงขึ้นไปก่อกองไฟบนภูเขา โอต้า (Oeta) เพื่อที่จะได้ตายอย่างสงบ และได้ขอให้ ฟิลอคเทเทส (Philoctetes) จุดไฟให้ โดยเฮอร์คิวลิสได้มอบธนูให้ของตนเองกับฟิลอคเทเทสซึ่งต่อมา Philoctetes ก็ได้นำธนูนั้นไปใช้ในศึกกรุงทรอย หลังจากนั้นเชื่อกันว่าเฮอร์คิวลิสได้ถูกเทพีอาเธน่าพาไปสู่สวรรค์และกลายเป็นเทพเต็มตัวไป(บางตำราว่าร่างของเขาโดนไฟลุกท่วมทำให้ร่างมนุษย์ของเขาถูกทำลายลง คงเหลือไว้เพียงร่างเทพเท่านั้น)
อาวุธ : ตามตำนานแล้วเฮอร์คิวลิสใช้อาวุธหลากหลายทั้งดาบ กระบอง และ ธนู
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น