วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เรื่อควีนแมรี่


สถานที่ตั้ง เมืองลองบีช ประเทศสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
เรือเดินสมุทร "ควีนแมรี่"ของอังกฤษลำนี้สร้างบนฝั่งแม่น้ำไคลด์ในประเทศสกอตแลนด์ หนักทั้งสิ้น 80,773 ตัน มีความยาว 300 เมตร สูง 54 เมตร เครื่องยนต์ขับเคลื่อนมีกำลังทั้งหมด 200,000 แรงม้า อัตราความเร็วชั่วโมงละ 30 นอต มีหม้อน้ำขนาดใหญ่ต้มน้ำ 400 ตันให้เดือดอยู่ทุกๆชั่วโมง บรรจุคนได้ประมาณ 2,000 คน บนดาดฟ้ามีที่ว่างทำสนามเล่นกีฬาได้ถึง 3 เอเคอร์ ภายในเรือมีร้านขายอาหาร สนามเด็กเล่น สำนักพิมพ์ เครื่องอำนวยความสะดวกครบครันเคยทำสถิติความเร็วโดยได้เดินทางจากเมืองท่าลิเวอร์พูล อังกฤษถึงเมืองท่านิวยอร์ค สหรัฐอเมริกาในเวลา 9 วัน




ศรีปราชญ์

ศรีปราชญ์

ตามหลักฐานทางประวัตศาสตร์พบว่า ศรีปราชญ์นี้เป็นเรื่องจริง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ( พ.ศ.2199 - 2231) กล่าวกันว่าราชสำนักของพระองค์กลายเป็นศูนย์รวมของกวีมากมาย แม้แต่พระองค์เองก็ทรงนิพนธ์งานกวีเกี่ยวกับประวัติวรรณคดีไทย และทรงโปรดปรานงานด้านวรรณกรรมมาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะสร้างสรรค์โดยกวีเอกของพระองค์ เช่น พระมหาราชครู พระโหราธิบดี และศรีปราชญ์ สันนิษฐานว่า ศรีปราชญ์ คงจะเกิดในปี พ.ศ.2196 หรือ 3 ปี หลังจากที่สมเด็จพระนารายณ์เสด็จขึ้น ครองราชย์แทนพระเจ้าศรีสุธรรมราชา ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระเจ้าอาของพระองค์ศรีปราชญ์ไม่ใช่ชื่อจริงของท่านหากแต่เป็นพระราชทินนามที่สมเด็จพระนารายณ์ทรงพระราชทาน ให้เป็นการตอบแทนความดีความชอบในด้านงานกวี ชื่อจริงนั้นไม่ปรากฏ ทราบแต่เพียงว่าท่าเป็นบุตรชายของพระโหราธิบดีผู้ซึ่งแต่งหนังสือเล่มแรกที่ชื่อว่า “ จินดามณี ” หนังสือเล่มนี้สมเด็จพระนารายณ์ทรงรับส่งให้แต่งขึ้นเพื่อถ่วงดุลอิทธิพลของวัฒนธรรมฝรั่งเศส

ศรีปราชญ์ได้รับอิทธิพลทางด้านกวีจากบิดา ดังนั้นจึงส่อแววว่ามีปฏิภาณด้านกวีตั้งแต่ยังเด็ก ในคืน วันหนึ่ง เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ทรงนิพนธ์โคลงอันไพเราะขึ้น 2 บท แต่ไม่ทันจะทรงนิพนธ์ต่อให้จบบท ด้วยมีพระราชภารกิจด่วนเข้ามาแทรกเสียก่อน จึงโปรดให้พระโหราธิบดีนำเอาไปแต่งต่ออีก 2 บาท เพื่อให้จบสมบูรณ์หนึ่งบท แล้วกลับมาให้พระองค์ในวันรุ่งขึ้น
พระโหราธิบดี พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อแต่งโคลงอันไพเราะนั้นให้จบ แต่ทุกครั้งที่พยายามก็คิด ไม่ออก ดังนั้นท่านจึงทิ้งไว้อย่างนั้นก่อนแล้วไปรับประทานอาหารเช้าตามปกติ อย่างไรก็ตามเมื่อท่านจะนำมา แต่งต่อ ปรากฏว่าอีก 2 บาทสุดท้ายนั้นได้มีผู้เขียนต่อให้แล้ว ท่านประหลาดใจมากและถามหาผู้ที่แต่งต่ออีก 2 บาทนั้นซึ่งไพเราะมากเช่นกัน



หลังจากทราบความจริง ท่านก็แอบชมความฉลาดของบุตรชายอยู่ในใจ และคิดว่าบุตรของท่านจะมี อนาคตที่ดี หลังจากได้รับโคลงจากพระโหราธิบดีแล้ว สมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ทรงพอพระทัยมาก แต่ ก็ทรงทราบได้ทันทีว่า 2 บาทหลังนั้นไม่น่าจะแต่งโดยคนแก่อย่างเช่นพระโหราธิบดี ดังนั้นพระองค์จึงตรัส ถามความจริง และหลังจากได้ทรงทราบความจริง ก็ทรงระแวงว่าลูกชายของพระโหราธิบดีผู้นี้ อาจจะมีอะไร ละลาบละล้วงแอบแฝงกับสตรีฝ่ายใน จึงตรัสถามว่าบุตรชายของพระโหราธิบดีอายุเท่าไร และก็ต้องทรง ประหลาดใจเมื่อได้รับการกราบทูลให้ทรงทราบว่า เด็กคนนั้นมีอายุเพียง 9 ขวบเท่านั้นเอง พระองค์จึงเรียก ตัวศรีปราชญ์เข้าเฝ้าในทันที แล้วทรงแต่งตั้งให้ทำงานในราชสำนักเหมือนบิดาของตน และถึงแม้ว่า พระโหราธิบดี จะมีความถาคภูมิใจกับอนาคตอันสดใสของบุตรชาย แต่ท่านก็ยังวิตกกังวลว่าในอนาคต ศรีปราชญ์อาจจะเผลอไผลจนกระทบกระเทือกพระราชหฤทัยของสมเด็จพระนารายณ์ หรือเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ท่านอื่น ๆ ก็ได้ด้วยความทระนงในความฉลาดของตน ศรีปราชญ์อาจจะหลงตนเองก็เป็นได้ ดังนั้น พระโหราธิบดีจึงกราบทูลสมเด็จพระนารายณ์ขอให้โปรดพระราชทานอภัยโทษไว้ถ้าหากว่าจะต้องราชทัณฑ์ ถึงประหารชีวิตขอให้พิจารณาลดหย่อนเพียงเนรเทศเท่านั้น พระองค์ก็ทรงยินยอม และให้การเลี้ยงดูดุจดังพระโอรส หลังจากรับใช้เบื้องพระยุคลบาทมาพอสมควรท่านก็ได้รับพระราชทินนามว่า “ ศรีปราชญ์ ” เป็นรางวัลสำหรับผลงานด้านกวีที่ยอดเยี่ยม

เพียงชั่วระยะเวลาไม่นานชื่อเสียงของศรีปราชญ์ก็โด่งดังไปทั่วราชอาณาจักร และตามวิสัยของคนหนุ่มย่อมหนีความรักไปไม่พ้น และในฝ่ายในเองก็มีหญิงสาวเป็นจำนวนมากที่รับใช้ พระบรมวงศ์ศานุวงศ์ และบางคนก็เป็นที่ต้องตาต้องใจของศรีปราชญ์ เมื่อเป็นที่ไว้วางพระทัยของสมเด็จพระนารายณ์ ศรีปราชญ์สามารถเข้านอกออกในได้โดยสะดวก และด้วยเหตุนี้จึงมีโอกาสเกี๊ยวพาราสีพระสนมเอกของสมเด็จพระนารายณ์ นามว่า“ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ”
อันว่าท้าวศรีจุฬาลักษณ์นั้นเป็นสตรีที่มีหน้าตางดงามยิ่งนักเป็นที่สบพระราชหฤทัยแก่ สมเด็จพระนารายณ์ ศรีปราชญ์ก็ชอบนางอยู่แม้จะรู้ตัวดีว่าใครก็ตามที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระสนมของพระมหากษัตริย์จะมีโทษถึงประหารชีวิต ศรีปราชญ์ได้แต่งโคลงเกี๊ยวพาราสีนางโดยที่ไม่ทราบว่าท้าวศรีจุฬาลักษณ์นั้นมีการติดต่อฉันชู้สาวกับพระอนุชาของสมเด็จพระนารายณ์ภายหลังนางเกิดตั้งครรภ์ สมเด็จนารายณ์ทรงกริ้วมากและรับสั่งให้สำเร็จโทษตามกฎมนเทียรบาล



และถึงแม้ว่าศรีปราชญ์จะไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนาง แต่ก็แสดงความประพฤติอันไม่เหมาะสมต่อพระสนมของพระมหากษัตริย์ โดยการเขียนโคลงเกี๊ยวพาราสีนางความประพฤติของศรีปราชญ์เป็นการล่วงละเมิดกฎมนเทียรบาล ซึ่งห้ามการกระทำเช่นนั้นและผู้ล่วงละเมิดจะต้องมีโทษถึงประหารชีวิต ศรีปราชญ์เองไม่ต้องโทษประหารก็เพราะว่าสมเด็จพระนารายณ์ทรงรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้แก่ พระโหราธิบดี แต่ศรีปราชญ์เองก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงโทษสถานเบาไปได้ศรีปราชญ์จึงถูกเนรเทศจากกรุงศรีอยุธยา ไปยังเมืองนครศรีธรรมราชที่ซึ่งเขาสามารถแสดงทักษะด้านกวีได้อีกเช่นกัน เพราะว่าท่านเจ้าเมืองเองก็มีใจชอบด้านกวีอยู่แล้ว และด้วยความเป็นอัจฉริยะของศรีปราชญ์นี้เองที่ทำให้ท่านเจ้าเมืองโปรดปรานเขา แต่โชคร้ายที่ศรีปราชญ์ตอบแทนไมตรีจิตนี้ด้วยการไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับภรรยาน้อยของท่านเจ้าเมืองเข้า ท่านเจ้าเมืองโกรธมากและหึงหวงภรรยาน้อย จึงสั่งให้นำตัวศรีปราชญ์ไปประหารชีวิต ศรีปราชญ์ประท้วงโทษประหารชีวิตแต่ท่านเจ้าเมืองไม่ฟัง และก่อนที่เพชฌฆาตจะลงดาบประหาร ศรีปราชญ์ได้ขออนุญาตเขียนโคลงบทสุดท้ายไว้กับพื้นธรณีว่า



ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน

เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง

เราผิดท่านประหาร เราชอบ

เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง
ในขณะที่ถูกประหารนั้นศรีปราชญ์มีอายุประมาณ 30 หรือ 35 ปี ได้ข่าวการประหารศรีปราชญ์ แพร่ไปถึงพระกรรณของสมเด็จพระนารายณ์ผู้ซึ่งใคร่จะเรียกตัวศรีปราชญ์มาใช้งานในเมืองหลวงพระองค์ทรงพระพิโรธเจ้าเมืองนคร ฯ ผู้ซึ่งกระทำการโดยปราศจากความเห็นชอบของพระองค์ และเมื่อพระองค์ได้ทราบถึงโคลงบทสุดท้ายของศรีปราชญ์จึงมีพระบรมราชโองการให้นำเอาดาบที่เจ้าพระยานคร ฯ ใช้ประหารศรีปราชญ์แล้วนั้นนำมาประหารชีวิตเจ้านคร ฯ ให้ตายตกไปตามกัน สมดังคำที่ศรีปราชญ์เขียนไว้เป็นโคลงบทสุดท้ายก่อนสิ้นชีวิตว่า “ ดาบนี้คืนสนอง ”

กรุ๊ปเลือดบอกลักษณนิสัย

กรุ๊ปเลือด A


คุณเป็นคนอย่างไรในยามที่พูดคุยในหมู่เพื่อนๆ
คุณเป็นคนที่พูดเก่ง คุยเก่ง เป็นคนชอบพูดมักกว่าชอบฟัง คุณคุยได้ทุกเรื่องขอให้มีคนเปิดประเด็น
คุณเป็นคนอย่างไรในยามที่ทะเลาะกับชาวบ้าน
คุณไม่ชอบทะเลาะ เกะกะระรานกับใครๆ ก่อน ไม่ชอบไปวุ่นวายกับใคร หากเขาไม่เข้ามาวุ่นวายกับคุณก่อน คุณเป็นคนสุขุมเยือกเย็น เวลาที่คุณไม่พอใจใครคุณจะไม่ค่อยพูด แต่มักใช้สายตาในการทะเลาะมากกว่าการพูดด้วยความโกรธ
เรื่องราวความรักของคุณ
คุณเป็นคนกล้าๆ กลัวๆ ในเรื่องการแสดงออกให้คนที่คนแอบชอบว่าคุณมีใจให้เขา ไม่กล้าบอกรักหรือกล้าที่จะเข้าไปจีบ ฉะนั้นความรักของคุณยากที่จะสมหวัง เพราะต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ
เป็นอย่างไรเมื่อเวลาโศกเศร้า เจ็บปวดใจ
คุณเป็นคนคิดมาก เป็นคนจำง่ายแต่ลืมยากในเรื่องที่ทำให้คุณเจ็บปวดใจ ยอมรับไม่ค่อยได้เกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้คุณต้องเสียใจ คุณจะเฝ้าครุ่นคิดถึงสาเหตุที่ทำให้คุณเสียใจตลอดเวลาและคุณจะไม่สามารถทำใจได้จนกว่าคุณจะยอมรับในเรื่องนั้น
ความขยันเรื่องการเรียนการศึกษาของคุณ
คุณเป็นคนขยันขันแข็งในเรื่องการศึกษา แต่เป็นคนแบ่งเวลาไม่ค่อยถูกว่าเวลานี้ควรทำอะไร จนบางครั้งงานบางอย่างกลายเป็นดินพอกหางหมู ทำให้โดนตำหนิได้
กลยุทธ์และวิธีปลอบใจในเวลาที่คุณเศร้า
ในเวลาที่คุณเศร้า ถ้ามีคนพูดปลอบใจดีๆ คำพูดหวานๆ คำชมทุกชนิดที่สามารถสรรหาได้ในโลกนี้ คุณจะหายโศกเศร้าลงได้มากหากมีใครโทรศัพท์หาคุณพร้อมกับคำพูดปลอบใจหวานๆ
ทำอย่างไรจะทำให้คุณหายโกรธ
คนอย่างคุณเนี่ยลองโกรธให้ใครแล้วหายยากจริง เข้าลักษณะโกรธง่ายหายช้า ยากจะหาวิธีทำให้คุณหายโกรธได้ นอกจากปล่อยให้เวลาผ่านไป หรือปล่อยให้อยู่คนเดียว อารมณ์โกรธของคุณก็จะคลายหายไปเอง


กรุ๊ปเลือด B


คุณเป็นคนอย่างไรในยามที่พูดคุยในหมู่เพื่อนๆ
คุณเป็นคนมีเอกลักษณ์ในการพูด มีความสามารถพิเศษในการเจรจาพูดคุย เวลาพูดชอบออกท่าทางประกอบไปด้วย ทำให้เพื่อนๆ เข้าใจและคล้อยตามไปด้วยดึงดูดความสนใจผู้คนได้ดี
คุณเป็นคนอย่างไรในยามที่ทะเลาะกับชาวบ้าน
คุณเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว เวลาโกรธหรือไม่พอใจให้ใคร ไม่จำเป็นต้องให้ใครมายุ คุณมีความสามารถเฉพาะตัว ไม่เห็นแก่หน้าใคร สามารถด่าได้ทุกคำทุกภาษาที่มีในโลกนี้ ใครที่ทะเลาะกับคุณถือว่าซวยมากๆ ต้องรีบไปทำบุญถวายสังฆทานเจ็ดวัดเจ็ดวาเพื่อสะเดาะเคราะห์
เรื่องราวความรักของคุณ
คุณเป็นคนที่ใจร้อนในเรื่องของความรัก หากสนใจใครแล้วมักจะไม่รอช้าคิดหาวิธีในการเชื่อมความสัมพันธ์กับคนนั้นอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งการใจร้อนเกินไปไม่เกิดผลดีกับคุณเลย
เป็นอย่างไรเมื่อเวลาโศกเศร้า เจ็บปวดใจ
สาเหตุที่ทำให้คุณต้องเสียใจ ส่วนมากจะมาจากความใจร้อนหรืออารมณ์ร้อนของคุณเอง คุณเป็นคนคิดอะไรได้รวดเร็วกว่าคนอื่นๆ คุณคิดได้ในขณะที่คนอื่นยังคิดไม่ทันในเรื่องเดียวกัน เป็นคนหัวเร็ว ตัดสินใจรวดเร็ว จนบางครั้งการตัดสินใจด่วนของคุณอาจทำให้คุณเสียใจ
ความขยันเรื่องการเรียนการศึกษาของคุณ
คุณเป็นคนคิดใหม่ทำใหม่อยู่เรื่อยๆ มักเปลี่ยนใจได้รวดเร็ว ความขยันมักขึ้นกับอารมณ์ของคุณเพราะคุณมักมีนิสัยที่เปลี่ยนใจง่ายดังนั้นผลการสอบที่ออกมามักขึ้นกับอารมณ์ของคุณตอนช่วงที่ดูตำราก่อนสอบเสมอ
กลยุทธ์และวิธีปลอบใจในเวลาที่คุณเศร้า
ในเวลาที่คุณเศร้า ไม่จำเป็นต้องปลอบใจอะไรมาก เพียงแค่มีคนให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ หรืออาจซื้อขนมหรือของกินเล็กๆ น้อยๆ มาฝากคุณคุณหายแล้วล่ะ
ทำอย่างไรจะทำให้คุณหายโกรธ
วิธีที่ทำให้คุณหายโกรธนั้นไม่ยาก เพราะคุณเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว โกรธไม่นานก็ลืมหมด ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรมาก ถ้าขืนไปใส่ใจมากจะยิ่งไปกันใหญ่ สรุปว่าหากคุณโกรธ ใครอยากจะทำให้คุณหายโกรธ ไม่ต้องมายุ่งกับคุณ ปล่อยไว้สักพัก คุณก็จะหายโกรธเอง หากไม่เข้าใจมาเกะกะระรานในเวลาที่คุณโกรธเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ


กรุ๊ปเลือด AB


คุณเป็นคนอย่างไรในยามที่พูดคุยในหมู่เพื่อนๆ
คุณไม่ค่อยพูด มักเป็นฝ่ายนั่งฟังคนอื่นพูดมากกว่า จึงทำให้เพื่อนๆ ชอบอุปนิสัยของคุณและมักจะระบายความในใจให้คุณฟังอยู่ประจำ
คุณเป็นคนอย่างไรในยามที่ทะเลาะกับชาวบ้าน
คุณเป็นคนใจดี ไม่ชอบทะเลาะหรือหาเรื่องกับใครก่อน หากไม่มีความจำเป็น คุณสามารถระงับสติอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนมากมักเป็นกรรมการห้ามคนอื่นที่เขาทะเลาะกันมากกว่าที่จะไปหาเรื่องทะเลาะกับใครๆ
เรื่องราวความรักของคุณ
คุณไม่ค่อยเที่ยวแสวงหาความรัก เพราะคุณเป็นมั่นใจในตนเองมาก คิดว่าตัวเองมีเสน่ห์และเท่ห์มาก คุณมักทำให้เขาเป็นฝ่ายเข้ามาหาคุณเองมากกว่าคุณจะเป็นฝ่ายติดต่อเข้ากับเขาก่อน และคุณมักจะถูกเพศตรงข้ามตามตื้อและขอความรักเสมอ น่าอิจฉาจริงๆ นะ
เป็นอย่างไรเมื่อเวลาโศกเศร้า เจ็บปวดใจ
คุณเป็นคนเก็บอารมณ์ได้ดี ถึงแม้จะเสียใจมากแค่ไหน น้อยนักที่ใครจะเห็นน้ำตาของคุณ หรือแม้แต่การแสดงออกทางอารมณ์และสีหน้าซึ่งแสดงว่าคุณเสียใจ ยากมากที่ใครจะได้เห็น ยอมรับว่าคุณเก่งจริงๆ
ความขยันเรื่องการเรียนการศึกษาของคุณ
คุณชอบเตรียมวางแผนในเรื่องต่างๆไว้ล่วงหน้าเสมอแต่บางครั้งก็ไม่สามารถทำตามแผนการที่วางแผนไว้ได้หากยึดมั่นตามแผนการเกินไปกลับจะเป็นผลเสียมากกว่าดังนั้นคุณไม่ควรหักโหมจนเกินไปทำเท่าที่คุณสามารถทำได้
กลยุทธ์และวิธีปลอบใจในเวลาที่คุณเศร้า
ในเวลาที่คุณเศร้าเสียใจ ยากนักที่ใครจะรู้และเข้าใจ นอกจากจะปล่อยให้คุณอยู่เงียบๆ คนเดียวเดี๋ยวก็หายไปเอง
ทำอย่างไรจะทำให้คุณหายโกรธ
คุณเป็นคนมีเหตุผล เมื่อโกรธให้ใครแล้วย่อมมีเหตุผลเพียงพอกับความโกรธเสมอ ไม่งั้นคุณไม่โกรธหรอก ใครที่ทำให้คุณโกรธนั้นจะต้องยอมขอโทษคุณก่อนความโกรธของคุณจึงจะคลายลง



กรุ๊ปเลือด O



คุณเป็นคนอย่างไรในยามที่พูดคุยในหมู่เพื่อนๆ
คุณชอบคุยเรื่องที่ทำให้คุณเป็นจุดเด่นขึ้นมา แต่ไม่ใช่เป็นคนขี้โม้นะ บางทีคุณก็เงียบและเป็นฝ่ายนั่งฟังเหมือนกัน
คุณเป็นคนอย่างไรในยามที่ทะเลาะกับชาวบ้าน
หากใครมาทะเลาะกับคุณ คนๆ นั้นถือว่าซวยจริงๆ เพราะคุณเป็นคุณเถียงแบบไม่ถอย ไม่ยอมใครง่ายๆ จะแพ้หรือชนะนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คุณสู้ไม่คอยอยู่แล้ว นอกจากจะแพ้ชนะกันไปข้างหนึ่ง ลักษณะเป็นคนหัวแข็งหน่อยนะ เพลาๆ ไว้บ้าง
เรื่องราวความรักของคุณ
คุณเป็นคนชอบเข้าข้างตัวเองในเรื่องความรัก บางครั้งจนเกือบหลงตัวเองไปนิดๆ เป็นคนมีนิสัยมีนิสัยตรงไปตรงมารักใครแล้วคุณก็จะแสดงออกเปิดเผยกับเขาตรงๆ ชอบบอกรักแบบรวดเร็ว และมักผิดหวังในเรื่องความรัก เพราะบางครั้งไปรักคนที่มีเจ้าของ รักเขาข้างเดียว รักคนที่เขาไม่รักเรา .....
เป็นอย่างไรเมื่อเวลาโศกเศร้า เจ็บปวดใจ
คุณไม่ค่อยใจใส่กับเรื่องเล็กๆ น้อย ไม่ค่อยเก็บมาคิดให้รกสมองและเสียเวลาที่จะทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่า คล้ายเป็นคนธรรมะธัมโม (ปลงได้) ฉะนั้นเรื่องที่ทำให้เสียใจคุณสามารถทำใจได้อย่างรวดเร็ว
ความขยันเรื่องการเรียนการศึกษาของคุณ
คนเป็นคนฉลาด มีความจำเป็นเยี่ยม แต่จะขี้เกียจไปหน่อยในการอ่านหนังสือ ไม่ค่อยมีความกระตือรือร้น ชอบอ่านหนังสือหรือติวข้อสอบอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ได้หลับไม่ได้นอนในช่วงใกล้สอบ
กลยุทธ์และวิธีปลอบใจในเวลาที่คุณเศร้า
ดูภายนอกคุณเป็นคนเข้มแข็งแต่ความจริงแล้วคุณค่อนข้างอ่อนไหวง่าย ในเวลาที่คุณโศกเศร้าเสียใจ ขอเพียงแค่คุณได้ระบายความรู้สึกให้ใครซักคนฟัง แล้วคนๆ นั้นพูดว่า ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอดีจ้ะ ความเศร้าของคุณก็จะค่อยๆ หายไป
ทำอย่างไรจะทำให้คุณหายโกรธ
คุณเป็นคนมีเหตุผล มักโกรธหรือไม่พอใจง่ายๆ แต่หากคุณโกรธให้ใครล้วนแต่มีเหตุผล (ของคุณ) ที่จะโกรธให้เสมอ วิธีที่ทำให้คุณหายโกรธได้นั้น ทุกคนต้องยอมอ่อนข้อให้คุณ คุณจึงจะหายโกรธ


>O




วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ทำไมถึงอ้วน !!!~

เรื่อง อยากรู้ไหมทำไมคนเราถึงอ้วน หรือหิวบ่อย คุณคิดย่างไรกับเรื่องนี้?


ทำไมจึงอ้วนการที่คนเรามีน้ำหนักเกินนั้นเป็นผลมาจากความไม่สมดุลระหว่างพลังงานที่ได้รับ(จากอาหาร) กับ พลังงานที่ร่างกายใช้ไปใน แต่ละวัน เมื่อมีพลังงานเหลือ(ได้มามากกว่าที่ใช้ไป) ก็จะถูกสะสมไว้ตามร่างกายในรูปของ "ไขมัน"เพื่อนำไปใช้ในยามจำเป็น (แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้สักที)นับวันก็ยิ่งสะสมมากขึ้น มากขึ้น จนกลายเป็นโรคอ้วนในที่สุด

ในทางกลับกันหากร่างกายใช้พลังงานมากกว่าพลังงานที่ได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไปในแต่ละวัน ร่างกายก็จะนำไขมันที่สะสมอยู่มาเผาผลาญทำให้ผอมลงได้เช่นกันดังนั้นไม่ว่าจะ "อ้วน" หรือ "ผอม" ขึ้นกับปัจจัยดังกล่าวข้างต้นทั้ง 2ประการเป็นหลัก ซึ่งสิ่งที่มีผลต่อปัจจัยดังกล่าว คือ การรับประทานอาหารชนิดของอาหาร พฤติกรรมการบริโภค อายุ (อายุมากขึ้นร่างกายจะใช้พลังงานในการดำรงชีพลดลง) พันธุกรรม ความสามารถในการเผาผลาญไขมัน(ระบบการเผาผลาญของร่างกายจะเริ่มทำงานลดน้อยลงตามอายุ)พลังงานที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ในแต่ละวัน กิจกรรมต่าง ๆที่ต้องใช้พลังงานงานเป็นต้น

แต่ในความเป็นจริงในชีวิตประจำวันของแต่ละคนมักไม่ค่อยจะมีเวลาในการออกกำลังกายหรือง่าย ๆ คุณลองถามตัวเองดูซิว่า "ครั้งสุดท้ายที่คุณออกกำลังกาย เมื่อไหร่….นานมากแค่ไหน ????"และปัจจุบันคุณมีส่วนเกินของส่วนรวมในร่างกายคุณมากน้อยแค่ไหน รูปร่างและสัดส่วนของคุณเป็นอย่างไร สวมบททรามวัยผู้ไร้เอว หรือบุรุษหนุ่มผู้ไร้คอกันบ้างหรือเปล่า

ทำไมจึงหิวบ่อย…..?

มีหลายคนเจอปัญหานี้….. จะอธิบายให้ฟังว่าเพราะอะไร ในลำไส้ของคนเรานั้นจะมีvilai อยู่ ลักษณะของมันจะคล้าย ๆ กับหนวดปลาหมึกมีหน้าที่ในการดูดซึมสารอาหารไปเลี้ยงร่างกายแต่เนื่องจากอาหารที่เราบริโภคอยู่ส่วนใหญ่จะมีสารเคมีตกค้างอีกทั้งบางครั้งเรารับประทานอาหารที่ร่างกายดูดซึมยากเข้าไปพวกนี้แหละมันจะไปตกค้างในลำไส้ของเรา ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของ vilaiลดลงอย่างมาก เมื่อคุณรับประทานอาหารเข้าไป ร่างกายจะดูดซึมอาหารได้น้อยไม่เพียงพอให้พลังงานแก่ร่างกายสมองก็จะสั่งให้กินเพื่อให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการดังนั้นจึงรู้สึกหิวบ่อยมาก…… เมื่อกินมากไขมันก็ไปสะสมตาม ต้นแขน ต้นขาหน้าท้อง มากยังงัย…..

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

แจ็คเดอะริปเปอร์ หรือ ที่ใครรู้จักในนามแจ็คนักฆ่า!!!~


ตำนาน "แจ๊คมือมีด" แห่งลอนดอน แจ็คเดอะริปเปอร์

ต้นแบบฆาตกรต่อเนื่อง


ในปี ค.ศ.1888 โสเภณี 5 คน ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมด้วยวิธีการเดียวกัน ในตำบล ไว้ท์แซ็พเพล เขตอี๊สต์เอ็นด์ของกรุงลอนดอน การฆาตกรรมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องรวดเร็วภายในเวลา 11 อาทิตย์ ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม - 8 พฤศจิกายน ฆาตกรได้ท่องไปในยามราตรีระหว่างเที่ยงคืนจนถึงรุ่งสาง เหยื่อถูกฆ่าอย่างทารุณด้วยการเชือดคอด้วยมีด กรีดหน้าท้องให้เปิดอ้าแล้วควักตับไตไส้พุงออกมาเป็นที่น่าสยดสยองและสร้างความอกสั่นขวัญผวาให้แก่ผู้อื่นยิ่งนัก ไว้ท์แซ็พเพล คือ แหล่งฆาตกรควานหาเหยื่อมีประชากรอาศัยอยู่ราว 90,000 คน เป็นเด็กและสตรีเสีย 70,000 คน ส่วนผู้คนย่านนี้ว่างงานและยากจน ต้องหาเช้ากินค่ำประทังชีวิตไปวันๆ ไวท์แซ็พเพลจัดเป็นแหล่งที่เสื่อมโทรม มีผู้หญิงหากินอยู่มากมาย รวมทั้งพวกหัวขโมย นักย่องเบา คนจรจัดและผู้อพยพที่ไร้รากยากไร้ ในปี1880 ทั่วทั้งกรุงลอนดอนมีโสเภณี 1,200 คน อยู่ในเขตอี๊สต์เอ็นด์ถึง 237 คน โสเภณีมักถูคุกคามจากแก๊งทรชนซึ่งข่มขู่กรรโชกทรัพย์หรือเรียกค่าคุ้มครองจากพวกหล่อน หากขัดขืนก็จะถูกฆ่าตายได้ไม่ยาก โดยเฉพาะในย่านไว้ท์แซ็พเพล แต่ยังไม่มีการสังหารโสเภณีครั้งใดจะสะเทือนขวัญผู้คนทั้งประเทศอังกฤษได้เท่าการสังหารโหดโสเภณี5คน อย่างต่อเนื่องโดยฝีมือของฆาตกรลึกลับผู้มีฉายาว่า"แจ็ค เดอะ ริปเปอร์"




ใครกันแน่คือแจ็คเดอะริปเปอร์? คนไข้โรคจิต ศัลยแพทย์มือฉมัง คนขายเนื้อ ชายซึ่งวางยาพิษฆ่าเมียตัวเอง หรือแม้แต่หลานชายของควีนวิคตอเรียแห่งอังกฤษ ก็ล้วนแล้วแต่พัวพันกับสมญานามของฆาตกรสุดโหดแห่งไวต์แชปเพิลผู้นี้ แจ็คเดอะริปเปอร์ เป็นสมญานามของฆาตกรต่อเนื่องซึ่งก่อคดีสะเทือนขวัญในกรุงลอนดอน ช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน ปี 1888 เหยื่อของแจ็คเดอะริปเปอร์ล้วนเป็นหญิงโสเภณีในย่านไวต์แชปเพิล แหล่งสลัมเสื่อมโทรมในเขตอีสต์เอนด์ สมญานามนี้ได้มาจากชื่อในท้ายจดหมายซึ่งโผล่ออกมาระหว่างที่เกิดการฆาตกรรมขึ้น เหยื่อของแจ็คจะเป็นผู้หญิงหากิน ซึ่งล้วนถูกของมีคมเชือดคอและโดนคว้านเอาอวัยวะออกไป ปัจจุบันผู้ที่หลงใหลในการศึกษาเกี่ยวกับคดีฆาตกรสุดโหดนี้จำนวนมาก จนมีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักริปเปอร์วิทยาเลยทีเดียว(ripperologist)





ตำนานสยองขวัญเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม เมื่อมีคนพบร่างของ แมรีแอน นิโคลส์ (พอลลี)วัย 43 ปี การฆาตกรรมโสเภณีคนหนึ่งดูจะไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญเท่าใดนัก แม้ว่าตำรวจลอนดอนต่างช็อกกับสภาพศพที่เห็นก็ตาม หลังจากเกิดเหตุตำรวจได้ตัวผู้ต้องสงสัยหลายคนแต่ก็จับใครไม่ได้ ชื่อพอลลีดูเหมือนจะเลือนหายไปแล้วกระทั่งผู้หญิงหากินอีกรายถูกพบกลายเป็นศพเมื่อวันที่ 8 กันยายนในปีเดียวกัน แอนนี แชปแมนถูกฆ่าปาดคอ และอวัยวะบางส่วนรวมทั้งมดลูกถูกคว้านออกและหายไปจากที่เกิดเหตุ เหตุการณ์นี้สร้างความสะพรึงกลัวไปทั่วลอนดอน และสื่อมวลชนก็เริ่มเข้ามามีบทบาท ขณะที่ตำรวจก็ไม่มีเบาะแส เพราะคนร้ายไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ ให้ตามจับได้ ข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับการฆาตกรรมก็สะพัดไปทั่วเมือง ตอนนี้ฆาตกรได้ฉายาจากสื่อว่า "ผ้ากันเปื้อนหนัง" มีการตั้งข้อสงสัยว่ามือสังหารคือแพทย์ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับชิ้นส่วนต่างๆ ของมนุษย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย สามสัปดาห์หลังจากนั้นสิ่งที่น่าสยดสยองมากกว่านี้เกิดขึ้นอีกในค่ำคืนของวันที่ 30 กันยายน อลิซาเบธ สไตรด์ หรือ ลอง ลิซ วัย 45 ปี ออกจากผับแห่งหนึ่งและเดินกลับบ้าน แต่เธอกลับไม่ถึงบ้าน ศพของเธอถูกพบในวันถัดมา บริเวณลำคอมีบาดแผลเป็นทางยาว แต่ยังสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยดี คาดว่าฆาตกรคงถูกขัดจังหวะในขณะกำลังจะจัดการชำแหละเหยื่ออย่างเคย แคทเทอรีน เอดโดวส์ หรือเคท วัย 46 ปี เป็นเหยื่อของแจ็คอีกรายที่สภาพศพน่ากลัวที่สุด โดนควักลูกตา เฉือนจมูก ลำคอถูกเชือด ช่องท้องถูกกรีดเป็นบาดแผลเหวอะ ไตถูกควักออกไป โดยมีข้อความเขียนไว้บนกำแพงในละแวกที่พบศพว่า "The Juwes are the men that Will not be Blamed for nothing." แปลความได้ว่า "ชาวยิวเป็นกลุ่มคนที่จะไม่ถูกกล่าวโทษ ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตาม" ข้อความบนกำแพงนี้อาจจะมีอยู่ก่อนแล้วและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม กระนั้นข้อความนี้ทำให้การสืบสวนพุ่งเป้าไปยังชาวยิว มีการวิพากษ์วิจารย์กันไปต่างๆ นานา จนเซอร์ชาร์ลส์ วอร์เรน ผู้บัญชาการตำรวจนครลอนดอนสมัยนั้นสั่งให้ลบข้อความดังกล่าวเพื่อลดกระแสต่อต้านยิว และก็มีการจับตัวชาวยิวหลายคน รวมทั้งจอห์น ไพเซอร์ ซึ่งต่อมาก็พบว่าเขาไม่ได้มีเอี่ยวใดๆ ตำรวจรู้สึกกดดันอย่างหนักเมื่อยังหาตัวฆาตกรไม่ได้ ผู้ชายโชคร้ายหลายคนโดนควบคุมตัวแต่ก็ไม่มีข้อพิสูจน์อะไรบ่งบอกว่าพวกเขาเป็นคือฆาตกรที่แท้จริง ชาวอีสต์เอนด์ก็คิดว่าเคทคงเป็นเหยื่อรายสุดท้ายแล้ว แต่ขณะที่เจ้าของที่ดินผู้มั่งคั่งไปเก็บค่าเช่าบ้านกับแมรี จีน เคลลี สาวไอริชหน้าตาดีคนหนึ่ง หลังจากเคาะประตูแล้วไม่มีเสียงตอบเขาจึงไปดูทางหน้าต่าง และก็ต้องตกตะลึงกับภาพหญิงวัย 25 ปีอยู่ในสภาพนอนกางขาบนเตียงนอน ผิวหนังโดนถลก มีมดลูกกองอยู่ปลายเท้า มือข้างหนึ่งถูกจับล้วงเข้าไปในท้องที่โดนควักตับไตไส้พุงออก หัวใจถูกปลิดออกจากขั้วหายไป เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วห้อง ทั้งนี้เป็นที่รับรู้กันว่าตอนนั้นเคลลีกำลังตั้งครรภ์




เคลลีอาจจะใช่หรือไม่ใช่เหยื่อรายสุดท้ายของแจ็ค ในช่วงเวลาเดียวกันยังมีผู้หญิงข้างถนนอีกหลายคนถูกฆาตกรรม บางรายอาจจะเป็นฝีมือของแจ็คก็ได้เนื่องจากมีลักษณะใกล้เคียงกับเหยื่อรายก่อนๆ อย่างไรก็ตามเป็นที่ยอมรับในหมู่สาวกของแจ็คว่าเหยื่อของแจ็คนั้นมี 5 รายดังกล่าว ขณะที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ฆาตกรโหดรายนี้ต้องมีความรู้ในการในการผ่าตัดหรือทางการแพทย์อยู่พอสมควร ใครกันแน่ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด อัลเบิร์ต วิคเตอร์ หรือเจ้าชายเอดดี ดยุคแห่งแคลเรนซ์ หนังสือหลายเล่มอ้างว่าพระองค์เคยเสด็จไปเที่ยวซ่องในย่านอีสต์เอนด์ และสันนิษฐานว่าพระองค์เรียนรู้เทคนิคในการชำแหละมาจากการล่าสัตว์ และทรงติดเชื้อซิฟิลิส ขณะที่สาเหตุอย่างเป็นทางการระบุว่าพระองค์สิ้นพระชนม์จากอาการปอดอักเสบ หนังสือหลายเล่มชี้ว่าพระองค์เป็นผู้ลงมือเองหรือไม่ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมเพื่อปิดปังพฤติกรรมอันเหลวแหลก ทฤษฎีนี้แพร่หลายมากเพราะนักประวัติศาสตร์มีชื่อ อย่างไรก็ตามสาวกของแจ็คส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากบันทึกเกี่ยวกับพระกรณียกิจของเจ้าชายยืนยันว่าในขณะที่การฆาตกรรมเกิดขึ้นพระองค์ไม่ได้ประทับอยู่ในลอนดอนเลย อย่างไรก็ตามกลุ่มที่เชื่อทฤษฎีนี้โต้ว่าเจ้าชายเอดดีอาจจะแอบมาลอนดอน หรือมิเช่นนั้นบันทึกของทางการอาจจะเป็นสิ่งที่ "แต่ง" ขึ้นมาก็ได้




มอนเทกิว จอห์น ดริตต์ เขาเป็นครูและศึกษาด้านการแพทย์ขณะที่สอบได้เนติบัณทิตแล้ว ดริตต์มาจากครอบครัวที่ดีและมีการศึกษาแต่กลับมีอาการวิกลจริต สองวันหลังจากที่เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนแบล็กเฮลท์เขาก็ฆ่าตัวตายด้วยการถ่วงตัวเองให้จมน้ำด้วยหินที่ซุกไว้ตามกระเป๋า และทิ้งข้อความลาตายไว้ว่า "ตั้งแต่วันศุกร์แล้วผมรู้สึกว่ากำลังจะเป็น (บ้า)เหมือนแม่ และการตายคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมในตอนนี้" ตำรวจพบกระดาษโน้ตจากศพของเขาที่ลอยมาตามแม่น้ำเทมส์เมื่อ 31 ธันวาคม ปี 1888 ทั้งนี้ เขาหายตัวไปหลังจากที่พบศพเหยื่อรายที่ 5 ได้ไม่นาน การสอบสวนของตำรวจระบุว่าเขาฆ่าตัวตายเนื่องจากอาการซึมเศร้า และสรุปว่าเขาคือแจ็คเดอะริปเปอร์ ตำรวจปิดคดีได้สำเร็จโดยที่เขาตกเป็นแพะรับบาป มีคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาฆ่าตัวตายหรือถูกฆาตกรรมเสียเองกันแน่ ขณะที่การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งแสดงต่อศาลระบุว่าการตายของเคลลีและการตายของดริตต์มีความเกี่ยวโยงกัน บ้างระบุว่าดริตต์มีอาการป่วยทางจิตหลังจากการสังหารเหยื่อรายที่ 5 ของเขา อย่างไรก็ตาม มีผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแจ็คอีกนับไม่ถ้วน ทั้งผู้ต้องหาที่มีประวัติวางยาพิษภรรยา แพทย์ ข้ารับใช้ราชสำนัก รวมถึงศิลปินที่ผลงานของเขาแสดงถึงความเกลียดชังผู้หญิง ล่าสุด เทรเวอร์ แมริออต อดีตนักสืบหัวเห็ดสังกัดเบดฟอร์ดเชียร์ซึ่งหันมาศึกษาเรื่องแจ็คด้วยเทคนิคสืบสวนสมัยใหม่ออกมาตั้งข้อสันนิษฐานว่า แจ็คเดอะริปเปอร์นั้นอาจจะไม่ใช่ชาวลอนดอน แต่เป็นกะลาสีชาวนิการากัวหรือเยอรมันซึ่งเดินทางมาค้าขายในอังกฤษและติดโรคร้ายจากการเที่ยวผู้หญิงและต้องการแก้แค้น



หนังสือของเทรเวอร์ "Jack the Ripper: The 21st Century Investigation" บอกว่าตำรวจสันนิษฐานอย่างผิดๆ ว่าฆาตกรนั้นอาศัยและทำงานในอีสต์เอนด์ และตำรวจยังไม่รู้วันเวลาของการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นจริงๆ โดยถูกทำให้เขวและเลือกที่จะไม่มองถึงความเป็นไปได้ที่ผู้ลงมือนั้นอาจจะเป็นกะลาสีเรือ เทรเวอร์เชื่อว่าช่วงที่เกิดเหตุสยองขวัญนั้นฆาตกรเดินทางมากับเรือจำนวนไม่มากที่มาทอดสมอในท่าเรือของอีสต์เอนด์หรือใกล้เคียง อย่างไรก็ตามเขาบอกว่าชื่อของลูกเรือก็ถูกทำลายหรือไม่ก็สูญหายทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะชี้ชัดลงไปว่าเป็นลูกเรือคนใด เทรเวอร์อ้างข้อมูลที่พบว่ามีผู้หญิงขายตัว 6 คนถูกชำแหละในสไตล์ของแจ็คในนิการากัว ในช่วง 10 วันของเดือนมกราคม ปี 1989 หรือเพียงสองเดือนที่เชื่อว่าการฆาตรรมได้สิ้นสุดลง แต่การฆ่าชำแหละศพในนิการากัวตามมาด้วยการฆาตกรรมแบบเดียวกันอีกครั้งในลอนดอนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และอีกหนึ่งคดีที่ท่าเรือเฟลนเบิร์กในเยอรมนีในตุลาคม และอีกหนึ่งคดีในลอนดอนเมื่อเดือนกรกกฎาคม ปี 1891 นอกจากนี้ เทรเวอร์ยังเชื่อว่าแจ็คไม่ได้มีความรู้ด้านการแพทย์ ซึ่งตรงข้ามกับที่หลายฝ่ายเชื่อ โดยเขาบอกว่าหากแจ็คเคยฝึกผ่าตัดอยู่บ้างเขาก็คงจะลำบากที่จะจัดการเฉือนอวัยวะออกจากร่างเหยื่อตามตรอกซอยที่มืดสลัว ส่วนอวัยวะที่ถูกคว้านออกมานั้นก็เพื่อเอาไปขายในตลาดค้าอวัยวะมนุษย์ซึ่งผิดกฎหมายแต่เฟื่องฟูในยุคนั้น ทฤษฎีของอดีตนักสืบรายนี้ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างมาก ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการบอกว่าเทรเวอร์เอาเรื่องเก่านำมาเล่าใหม่เท่านั้น ขณะที่อีกกลุ่มยังสำทับว่าประด็นกะลาสีเรือนี้ถูกตั้งขึ้นมาตั้งแต่มีการฆาตกรรมแล้ว







ดูเหมือนว่าแจ็คเดอะริปเปอร์ยังคงเป็นปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้อีกต่อไป


จดหมายลงชื่อแจ็คเดอะริปเปอร์ ลงวันที่ 25 กันยายน 1888 ถูกส่งมาถึงตำรวจลอนดอน