เธอที่รัก การเป็นคนดี เป็นเรื่องของความสามารถที่จะทำความดีให้แก่ตนเอง และประจักษ์แจ้งแก่ผู้อื่น เพราะฉะนั้น
การเป็น "คนดี" จึงเป็น "งาน" ที่ท้อแท้ไม่ได้ ความท้อแท้มักจะเกิดขึ้นมาจากความอ่อนแอ มาจากการถูกบั่นทอนพลังทางจิตใจ ที่จะมุมานะพยายาม เพื่อปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม
การเป็นคนดีนั้น จึงมีสองด้าน ด้านหนึ่ง เป็นคนดีเพื่อตัวเอง และได้กับตัวเอง อีกด้านหนึ่ง เป็นคนดีเพื่อคนอื่น ในคติของชาวตะวันออกนั้น การเป็นคนดี หรือการทำความดีให้กับตัวเองเพื่อตนเองนั้น มีความสำคัญมากเป็นอันดับแรกสุด
เพราะมีแต่บุคคลที่ถึงพร้อมซึ่งการทำความดี หรือได้มาซึ่งความสามารถที่จะทำความดีให้มีขึ้นกับตัวเองแล้วในระดับหนึ่งเท่านั้น ถึงจะสามารถส่งผลสะเทือนในวงกว้างต่อผู้อื่น ต่อสังคมภายนอก และต่อมนุษยชาติ ไม่เฉพาะแต่ในยุคปัจจุบันนี้เท่านั้น ยังรวมไปถึงอนาคตสมัยอีกด้วย
ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่ง การทำความดีหรือการเป็นคนดี จึงไม่อาจขาดได้ซึ่งคุณธรรมประจำตนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความถ่อมตน ความกล้าหาญ ความเป็นผู้มีศรัทธา ความเป็นผู้มีวินัยในตนเอง ความเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็ง ความเป็นผู้ทระนงเชื่อมั่นในตัวเอง ความเยือกเย็น ความตรงไปตรงมา ความซื่อสัตย์ ความจริงใจ ความเอาใจใส่ต่อผู้อื่น เหล่านี้เป็นต้น
การทำความดี หรือการเป็นคนดี ด้วยการสร้างคุณธรรมประจำตนหลายประการ ดังที่ยกมาข้างต้นนี้ ตามคติของชาวตะวันออกนั้นเรียกว่า เป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อการสร้าง "บารมี" ซึ่งถ้าหากสะสมไว้มากจนถึงระดับหนึ่งแล้ว จะทำให้ผู้นั้นสามารถประสบความสำเร็จทางบุคลิกภาพในระดับที่สูงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ต่อเนื่องกันไปจนกว่าจะสามารถหลุดพ้นได้ในที่สุด
ถ้าพิจารณาจาก จุดยืนอย่างตะวันออกเช่นนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าคนเราจะเลิกทำความดีไม่ได้เลย! คนเราจะท้อแท้ในการทำความดีไม่ได้และคนเราจะนิ่งดูดายปล่อยให้ความดีถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้เพราะถ้าทำเช่นนั้นแล้ว ผลแห่งอกุศลกรรมจากการทอดทิ้งความดีเช่นนั้นในที่สุด ก็จะย้อนกลับมาสู่ตนเองในที่สุด ในรูปกรรมแบบใดแบบหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว ไม่ในภพนี้ก็ภพหน้า
แต่เหตุไฉน "คนดี" จึงมักถูกรังแก ทำให้เกิดความท้อแท้ขึ้นภายในจิตใจของผู้คนเล่า?ใช่ เป็นเพราะว่า สังคมนี้ขาดแคลน "ความรัก" กันหรือไม่?ใช่ เป็นเพราะว่า สังคมสมัยนี้ขาดความเชื่อมั่น ขาดความศรัทธาใน "พลังแห่งความรัก" กันหรือไม่?
ในวิถีแห่งชีวิตที่มนุษย์ทุกคนจะต้องเดินกันไปนั้นเรายังไม่เห็นเลยว่า จะมีสิ่งใดที่สำคัญไปกว่า "ความรัก" !
ความรักเป็นสายใยที่เชื่อมร้อยคุณธรรมต่าง ๆ ในตัวมนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้ "คน" กับ "ฟ้า" สามารถผนึกหลอมรวมตัวเป็นสิ่งเดียวกันได้
จาก ฟ้า ไปสู่ ความรัก ไปสู่ ความกล้าหาญ ไปสู่ ปัญญาญาณ ไปสู่ ความดี ไปสู่ ความอ่อนโยน ไปสู่ ความงาม ไปสู่ ความปรองดอง ไปสู่ ความเมตตากรุณา ไปสู่ สัจธรรมความจริงใจ ไปสู่ความไร้อัตตา ไปสู่ สุญตา หรือ ความว่าง
ตะวันออกกับตะวันตก มาเชื่อมกันได้ด้วย "ความรัก" ความไม่มีอะไรกับความมีอะไร มาเชื่อมกันได้ก็ด้วย "ความรัก" ผู้ลดแสงกับผู้เพิ่มแสง มาเชื่อมกันได้ด้วย "ความรัก" สิ่งใหม่กับสิ่งเก่า ก็มาเชื่อมกันได้ด้วย "ความรัก"
ความรัก เป็นสิ่งที่มีพลัง ก็เพราะความรักเป็นสิ่งที่สามารถเชื่อมหลอมรวมสิ่งที่เป็นคู่ตรงข้ามของความขัดแย้งได้ด้วย
เหตุนี้ความรักที่แท้จริงจึงไม่มีการแย่งชิง ความรักที่แท้จริง ย่อมไม่มีศัตรู
ความรัก คือรถศึกที่เป็นพาหนะพาเราฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตทั้งปวง
ความรัก คือแสงสว่างที่ส่องทางหัวใจของผู้คน ขับไล่ความมืดมิดให้ออกไปจากจิตใจ นำพาเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
ความรัก คือชีวิต เป็นอาหารสำหรับหล่อเลี้ยงชีวิตให้สมบูรณ์
ความรัก คือความกล้าหาญที่จะยืนหยัดต่อสู้กับความยากลำบากต่าง ๆ ทั้งปวง
ความรัก คือการตั้งปณิธานว่าจะใช้ชีวิตร่วมกัน ก้าวไปพร้อม ๆ กันในสังคมเดียวกันอย่างสันติ
ความรัก คือวาจา คำพูด ภาษาที่ส่อให้เห็นถึงความงดงามภายในจิตใจของพวกเรา
ความรัก คือความปรองดอง การให้อภัยแก่กันและกัน เพื่อร่วมกันสร้างโลกใหม่ที่น่าอยู่กว่าเก่า
และ ความรัก คือการเจริญภาวนา เพื่อเพิ่มพลังแห่งความรักเพื่อยกระดับจิตวิญญาณของตัวเองให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ... คนเราทุกคนล้วนมีความสามารถที่จะรักได้ทั้งนั้น
วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น